แนวคิดทฤษฏีการศึกษาตามอัธยาศัย
1. ความหมายของการศึกษาตามอัธยาศัย
มนุษย์มีคุณสมบัติพิเศษที่สำคัญประการหนึ่ง คือสามารถรับรู้และพัฒนาตนเองได้อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา
และตลอดการดำเนินชีวิตของแต่ละคน ความสามารถนี้ได้สั่งสมพัฒนาสืบทอด ต่อกันมาเป็นลำดับ
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เราเรียกกระบวนการเรียนรู้ของมนุษย์นี้ว่า “การศึกษา” ดังนั้นการศึกษากับการดำเนินชีวิตของมนุษย์จึงเป็นกระบวนการอันหนึ่งอันเดียวกัน
กระบวนการนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องอยู่ตลอดชีวิต
และมีการถ่ายทอดความรู้จากคนรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่งเป็นลำดับตลอดมา
ดังนั้นตลอดระยะเวลาแห่งวิวัฒนาการของมนุษย์ มนุษย์จึงมีการศึกษาอยู่แล้ว
โดยธรรมชาติทำให้สามารถพัฒนาตนเอง ให้อยู่รอดและสร้างสรรค์ความเจริญต่าง ๆ
สืบมาได้จนถึงปัจจุบัน จากการศึกษาที่กล่าวมาข้างต้น การศึกษาตามอัธยาศัย หมายถึง การเรียนรู้จากการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน
และเป็นการเรียนรู้ตามความสนใจของมนุษย์โดยแท้ ไม่มีระบบหรือระเบียบตายตัว
หากปรับเปลี่ยนไปตามความสนใจของแต่ละบุคคลเป็นสำคัญ (รุ่ง แก้วแดง, 2538)
จีระ งอกศิลป์ และคณะ (2550)
กล่าวว่า การศึกษาตามอัธยาศัย หมายถึง การศึกษาที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองตามความสนใจ
ศักยภาพ ความพร้อม และโอกาส โดยศึกษาจากบุคคล ประสบการณ์ สังคม สภาพแวดล้อม สื่อ
หรือแหล่งเรียนรู้อื่น ๆ
สถานศึกษาอาจจัดการศึกษาในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งหรือทั้งสามรูปแบบก็ได้
ให้มีการเทียบโอนผลการเรียนที่ผู้เรียนสะสมไว้ในระหว่างรูปแบบเดียวกันหรือต่างรูปแบบได้ไม่ว่าจะเป็นผลการเรียนจากสถานศึกษาเดียวกันหรือไม่ก็ตาม
รวมทั้งจากการเรียนรู้นอกระบบ ตามอัธยาศัย การฝึกอาชีพ หรือประสบการณ์การทำงาน
อุดม เชยกีวงศ์ (2551) กล่าวว่า การศึกษาตามอัธยาศัย
หมายถึง กิจกรรมการเรียนรู้ในวิถีชีวิตประจำวันของบุคคล
ซึ่งสามารถเลือกที่จะเรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต ตามความสนใจ ความต้องการ
โอกาสความพร้อม และศักยภาพในการเรียนรู้ของแต่ละบุคคล
อุดม เชยกีวงศ์ ยังได้อ้างอิงถึงความหมายของการศึกษาตามอัธยาศัยจากหลายแนวคิดของบุคคลต่าง
ๆ ดังนี้
อุดม เชยกีวงศ์ (2551 ; อ้างอิงใน
คูมส์. 1985) กล่าวว่า การศึกษาตามอัธยาศัย
หมายถึง กระบวนการศึกษาตลอดชีวิต ที่ทุกคนได้รับและสะสมความรู้ ทักษะ เจตคติ
และการรู้แจ้งจากประสบการณ์ประจำวัน และการสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมทั้งที่บ้าน
ที่ทำงานและสนามเด็กเล่น และเจตคติของสมาชิกครอบครัว และเพื่อน ๆ
จากการเดินทางการอ่านหนังสือพิมพ์ และหนังสืออื่น ๆ หรือโดยการฟังวิทยุ หรือการดูภาพยนตร์
หรือ ดูโทรทัศน์ตามปกติแล้ว การศึกษาตามอัธยาศัยไม่มีการจัด ไม่มีระบบ และบางครั้ง
ไม่ได้ตั้งใจแต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ไปตลอดชีวิต ของแต่ละคนอยู่อย่างมาก
แม้แต่ผู้มีการศึกษาในโรงเรียนมาแล้วก็ตาม
อุดม เชยกีวงศ์ (2551 ; อ้างอิงใน สุนทร
สุนันท์ชัย. 2532) กล่าวว่า การศึกษาตาอัธยาศัย หมายถึง การได้รับความรู้
ทักษะ เจตคติ จากประสบการณ์ประจำวันใน ครอบครัว ชุมชน จากการทำงาน การเล่น
ห้องสมุด สื่อมวลชน และอื่น ๆ ในสภาพแวดล้อมของบุคคล
อุดม เชยกีวงศ์ (2551 ; อ้างอิงใน ปฐม นิคมานนท์. 2532) กล่าวว่า การศึกษาตามอัธยาศัย หมายถึง
เป็นกระบวนการตลอดชีวิต ซึ่งบุคคลได้เสริมสร้างเจตคติ ค่านิยม ทักษะและความรู้ต่าง
ๆ ในสภาพแวดล้อม เช่น การเรียนรู้จากครอบครัว เพื่อนบ้าน จากการทำงาน การเล่น
จากตลาด ร้านค้า ห้องสมุด ตลอดจนเรียนรู้จากสื่อมวลชนต่าง ๆ เป็นต้น
อุดม เชยกีวงศ์ (2551 ; อ้างอิงใน วิจิตร ศรีสะอ้าน. ม.ป.ป.) กล่าวว่า การศึกษาตามอัธยาศัย
หมายถึง เป็นกระบวนการตลอดชีวิต
ซึ่งบุคคลแต่ละคนแสวงหาความรู้พัฒนาทักษะค่านิยมและสร้างเสริม ทักษะจากประสบการณ์ในชีวิตประจำวันโดยอาศัยแหล่งวิทยาการที่มีอยู่ใกล้ตัว
ตามสภาพแวดล้อม
อุดม เชยกีวงศ์ (2551 ; อ้างอิงใน มัลลิกา พงศ์ปริตร. 2535) กล่าวว่า การศึกษาตามอัธยาศัย หมายถึง
การศึกษาตามอัธยาศัยนั้นเกิดขึ้นได้ทุกขณะจิต
ไม่ว่าสิ่งใดที่ผ่านเข้ามากระทบสัมผัสประสาททั้งห้า ย่อมมีผลต่อจิตใจ
และความรู้สึกนึกคิดของผู้รับทั้งสิ้น
จุดสำคัญอยู่ที่ว่าผลกระทบนั้นจะเป็นไปในทางลบหรือทางบวกหากผู้รับรู้ตัวและรู้จักต้านสิ่งซึ่งไม่พึงประสงค์
รับแต่สิ่งที่จรรโลงใจ ประเทืองปัญญา ส่วนหนึ่งของสิ่งที่เราเรียก “การศึกษาตลอดชีวิต” ก็จะเกิดขึ้นได้อย่างอัตโนมัติ
อุดม เชยกีวงศ์ (2551 ; อ้างอิงใน Shibuya
Hideyoshi. 1990) กล่าวว่า การศึกษาตามอัธยาศัยหมายถึง กระบวนการที่มนุษย์ได้รับการถ่ายทอดการสั่งสมความรู้
ทักษะ เจตคติ ความคิด จากประสบการณ์ในชีวิตประจำวัน และสิ่งแวดล้อมตลอดชีวิต
เป็นการศึกษาที่ไม่มีองค์กร ไม่มีระบบ ไม่มีจุดมุ่งหมาย ไม่ตั้งใจ
และเรื่องที่ได้รับการถ่ายทอดก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับวิถีในสังคม
จากที่กล่าวมาสรุปได้ว่า การศึกษาตามอัธยาศัย
หมายถึง การเรียนรู้ซึ่งเกิดจากการดำเนินชีวิตของแต่ละบุคคลในแต่ละวัน เช่น
การดูหนัง การฟังเพลง การเล่นกีฬา เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้คือกระบวนการเรียนรู้ที่หมายถึงการเรียนรู้ตลอดชีวิต
โดยไม่มีการจัดระบบแต่สามารถเรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้รอบตัว โดยไม่มีการบังคับ
ขู่เข็น ให้เรียนรู้ แต่เกิดจากความพึงพอใจของบุคคลนั้น ๆ จึงเรียกว่า
การเรียนรู้ตามอัธยาศัย
2. ทฤษฏีของการศึกษาตามอัธยาศัย
อุดม เชยกีวงศ์ (2551 ; อ้างอิงใน วิจิตร ศรีสะอ้าน. 2551) ได้กล่าวถึง องค์กรและสถาบันสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาตามอัธยาศัย
ของแต่ละคนจากสังคมที่ใกล้ตัวจนถึงสังคมภายนอก ได้แก่
1. สถาบันครอบครัว
2. สถาบันสื่อมวลชน
3. แหล่งชุมชน
4. แหล่งนันทนาการ
5. สถาบันการศึกษา
6. หน่วยงานบริการของรัฐ
7. องค์กรเอกชน
8. แหล่งทรัพยากรธรรมชาติ
9. ภูมิปัญญาท้องถิ่น
ชัยศ อิ่มสุวรรณ์ (2544) กล่าวว่า
การทำความเข้าใจการศึกษาตามอัธยาศัยควรจะพิจารณาประเด็นต่อไปนี้ คือ
1.
การศึกษาตามอัธยาศัยเกิดขึ้นได้ทุกหนทุกแห่งตามแต่สถานการณ์จะพาไปสถานการณ์แห่งการเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทุกเวลาไม่จำกัดสถานที่
อายุ กลุ่ม รูปแบบ หรือวิธีการเรียนรู้
2.
การเรียนรู้เกิดขึ้นเมื่อบุคคลมีความสัมพันธ์กับสิ่งที่จะก่อให้เกิดการเรียนรู้
จะเป็นบุคคลวัตถุสิ่งของ สถานการณ์ใด ๆ ก็ตาม จะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม เช่น
เรียนจากพ่อแม่ เรียนจาการทดลองทำ เรียนจากสัมผัสวัสดุ สิ่งของ สื่อ ฯลฯ
การเรียนรู้ดังกล่าวเกิดขึ้น ณ จุดหนึ่ง ภายในใจของบุคคลเป็นจุด “รุจิ” ที่เกิดขึ้นเป็นกระบวนภายใน
3. ลักษณะของการเรียนรู้ที่เกิดจากการศึกษาตามอัธยาศัย
โดยทั่วไปมีลักษณะเฉพาะที่
3.1 เป็นการเรียนรู้ที่ตั้งอยู่บนรากฐานของการสนทนา
(Conversation Base)
3.2 ผู้เรียนเป็นผู้กำหนดการเรียนรู้ด้วยตนเอง
นับแต่เลือกที่จะเรียนรู้หรือไม่เรียน จะเรียนเรื่องใด และพอเพียงแล้วหรือยัง
3.3 การเรียนรู้คาดหมายล่วงหน้าไม่ได้
(Unpredictable) บางสถานการณ์เกิดการเรียนรู้
แต่บางสถานการณ์ไม่เกิดการเรียนรู้ บางคนเกิดการเรียนรู้ แต่ในสถานการณ์เดียวกัน
บางคนไม่เกิดการเรียนรู้
3.4 การประเมินผลอยู่ที่ตัวผู้เรียนเองเป็นสำคัญ
แต่บางกรณีขึ้นอยู่กับบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วย
ที่จะยอมรับความรู้ที่เกิดขึ้นแต่ไม่มีรูปแบบการประเมินที่ชัดเจนแน่นอน
4. ผลของการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจากการศึกษาตามอัธยาศัยนั้น
มีอยู่โดยไม่รู้ตัวเพราะเป็นการสั่งสมมาทีละเล็กทีละน้อยไม่อาจคาดหวังได้ว่าผลการเรียนรู้เป็นอย่างไรจนกว่าจะนำมาใช้ในชีวิตจริงการประเมินจึงทำได้ไม่ง่าย
เพราะคุณค่าของผลการเรียนตามอัธยาศัยไม่ใช่สิ่งที่จะนำไปสู่การเรียนต่อได้มากเท่ากับการนำไปใช้ในชีวิตจริง
5. การจัดการศึกษาตามอัธยาศัยจึงเป็นเพียงการจัดการให้บุคคลเรียนรู้อย่างไม่เป็นทางการในรูปแบบที่หลากหลาย
โดยการจัดสภาพแวดล้อม ปัจจัยเกื้อหนุนบรรยากาศ สถานการณ์ให้บุคคลได้เรียนรู้
กล่าวโดยสรุป ความหมายของการศึกษาตามอัธยาศัยจึงอาจพิจารณา ได้จาก 2 มุมมองได้แก่
1. จากมุมมองของผู้เรียน
การศึกษาตามอัธยาศัย
เป็นการเรียนรู้ต่อเนื่องตลอดชีวิตที่เกิดขึ้นจากตัวของผู้เรียนเอง โดยใช้วิธีการที่หลากหลาย
และผลของการเรียนรู้เกิดจากหรือเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ของผู้เรียน
2. จากมุมมองของผู้จัดการศึกษา
การศึกษาตามอัธยาศัย เป็นการศึกษาที่ให้ใช้บุคคล ครอบครัว ชุมชน สังคม และสื่อต่าง
ๆเป็นแหล่งเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการสื่อความหมายต่าง ๆ
เป็นฐานของกระบวนการเรียนรู้ และมีประสบการณ์ การทำงาน การดำรงชีวิตประจำวัน
สภาพแวดล้อม เป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการเรียนรู้
วีรฉัตร สุปัญโญ (2548) ได้สรุปลักษณะสำคัญของการศึกษาตามอัธยาศัยตั้งอยู่บนฐานคติ
4 ด้านต่อไปนี้
1. ฐานคติด้านความรู้
ประกอบด้วย
1.1 ความรู้เกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา
1.2
ความรู้เกิดจากกิจกรรมและความสนใจของบุคคลหรือกลุ่มบุคคล
1.3
ความรู้เกิดขึ้นได้ทั้งโดยจงใจและไม่จงใจ
1.4 ความรู้ไม่จำเป็นต้องสนองตอบวัตถุประสงค์ทางการศึกษาเสมอไป
1.5
ความรู้ไม่จำเป็นต้องจัดเป็นรายวิชา
อาจอยู่ในรูปแบบของกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ
1.6
ความรู้อาจตั้งขึ้นแบบมีแผนกำหนดไว้ล่วงหน้าโดยผู้จัด หรืออาจเกิดขึ้นจากตัวบุคคลเองโดยไม่ตั้งใจก็ได้
2. ฐานคติด้านจุดมุ่งหมายการเรียนรู้ ประกอบด้วย
2.1 จุดมุ่งหมายของการศึกษาตามอัธยาศัยอาจเกิดขึ้นจากผู้จัด
จากตัวบุคคล หรือจากกลุ่มบุคคลก็ได้
2.2 จุดมุ่งหมายของการศึกษาตามอัธยาศัยอาจเกิดขึ้นจากสภาพแวดล้อมในการศึกษาการทำงาน
หรือการดำรงชีวิตก็ได้
2.3 ฐานคติด้านการจัดการ
ประกอบด้วย
2.3.1 การจัดการศึกษาตามอัธยาศัยมุ่งเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ตามความสนใจและที่สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตของบุคคลหรือกลุ่มบุคคล
2.3.2 การจัดการศึกษาตามอัธยาศัยมุ่งที่การสร้างปัจจัยหรือแหล่งอำนวยความสะดวกในการเรียนรู้
ซึ่งอาจเป็นไปได้ทั้งที่เป็นบุคคลและสิ่งไม่มีชีวิตต่าง ๆ
2.4 ฐานคติด้านการเรียนรู้
ประกอบด้วย
2.4.1 บุคคลมีแบบและวิธีการเรียนรู้เป็นของตนเอง
2.4.2 บุคคลมีวิธีการประเมินผลการเรียนรู้เป็นของตนเอง
จากที่กล่าวมาสรุปได้ว่า
การศึกษาตามอัธยาศัยนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยตัวของบุคคลนั้นเอง
ได้มีความสัมพันธ์กับวัตถุหรือสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น เรียนรู้จากสื่อ จากครอบครัว
โดยการพูดคุย หรือเรียนรู้ด้วยตนเอง การลองผิดลองถูกทำให้เกิดการเรียนรู้
และสิ่งเหล่านี้จะอยู่ในรูปแบบของการประเมินผลด้วยตนเอง
และการศึกษาตามอัธยาศัยสามารถนำเข้ามาสู่การจัดการศึกษา ให้เกิดระบบ
มีกระบวนการเรียนรู้ เป็นที่ยอมรับของสังคมได้
3. รูปแบบของการศึกษาตามอัธยาศัย
ประวีณ รอดเขียว (2551) ได้กล่าวถึง เป้าหมายของการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย คือเพื่อตอบสนองความต้องการการเรียนรู้ตามความสนใจ
ความถนัด และศักยภาพของแต่ละบุคคลให้สามารถศึกษาได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
การจัดการศึกษาตามอัธยาศัยไม่มีรูปแบบการศึกษา
หรือการเรียนรู้ที่ตายตัว ไม่มีหลักสูตรเป็นตัวกำหนดกรอบกิจกรรม หรือขอบข่ายเอกสารสาระหลักการและแนวคิดประกอบการดำเนินงาน
สาระการเรียนรู้ การเรียนรู้ขึ้นอยู่กับความต้องการ และแรงจูงใจใฝ่รู้ของแต่ละบุคคล
อย่างไรก็ดี เราสามารถจัดกิจกรรมเพื่อเสริมให้เกิดการเรียนรู้ตามอัธยาศัยได้ดังนี้
1.
จัดกิจกรรมในแหล่งการเรียนรู้ประเภทต่างๆ เช่นห้องสมุดประชาชน การเรียนรู้ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์
พิพิธภัณฑ์ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้จากภูมิปัญญาชาวบ้าน การจัดกลุ่มเสวนา หรือการอภิปราย
กิจกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรม กิจกรรมส่งเสริมการอ่านการเผยแพร่ข่าวสารข้อมูลและความรู้ต่างๆ
ฯลฯ
2.
ส่งเสริมสนับสนุน และพัฒนาการจัดการศึกษาตามอัธยาศัยได้แก่ สนับสนุนสื่อแก่หน่วยงานและแหล่งความรู้ต่างๆ
3.
ส่งเสริมให้หน่วยงานเครือข่ายจัดการศึกษาตามอัธยาศัย เช่นห้องสมุดในสถานที่ราชการ
สถานประกอบการ ฯลฯ
4.
ส่งเสริม สนับสนุนการพัฒนากลุ่มต่าง ๆ ตามความต้องการและความสนใจ เช่น
กลุ่มดนตรี กลุ่มสิ่งแวดล้อม พัฒนาชุมชน ฯลฯ
4. หลักการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย
หลักการจัดการศึกษาตามอัธยาศัยสามารถแบ่งออกได้เป็น
7 ประเด็นด้วยกันคือ
4.1 จัดให้สนองกลุ่มเป้าหมาย
ทุกเพศและวัย ตามความสนใจ
และความต้องการ
4.2 จัดให้สอดคล้องกับวิถีชีวิต
4.3 จัดโดยวิธีหลากหลายโดยใช้สื่อต่างๆ
4.4 จัดให้ยืดหยุ่น โดยไม่ยึดรูปแบบใดๆ
4.5
จัดให้ทันต่อเหตุการณ์
4.6 จัดได้ถูกกาลเทศะ
4.7 จัดบรรยากาศ สถานการณ์ และสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต
จากที่กล่าวมาสรุปได้ว่า
รูปแบบของการศึกษาตามอัธยาศัยนั้นมีลักษณะที่ไม่เป็นทางการไม่มีแบบแผนที่ชัดเจนเหมือนกับการศึกษาในระบบและนอกระบบ
โดยเกิดจากการเรียนรู้จากประสบการณ์ที่บุคคลนั้นพบเจอในแต่ละวันและได้กระทำกิจกรรมนั้นซ้ำ
ๆ จนเกิดความชำนาญจึงเกิดเป็นภูมิรู้ขึ้นเป็นการประเมินด้วยตนเอง การศึกษาตามอัธยาศัยนั้นมีหลายประเภทด้วยกัน
โดยอาจเกิดจากวิถีชีวิต องค์กร สถาบัน ธรรมชาติ สังคม วัฒนธรรมแต่ละพื้นที่รวมไปถึงหลักการจัดการศึกษาตามอัธยาศัยนั้นเป็นหลักที่เปิดกว้างสำหรับผู้ที่สนใจเรียนตั้งแต่เด็ก
จนถึงผู้ใหญ่มีวิธีการสอนที่หลากหลายไม่ตายตัวโดยไม่มีจำกัด และสามารถเรียนได้ตลอดชีวิต
เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น