บทที่ 5
ชีวประวัติ และผลงานแม่ครูราตรี ศรีวิไล
ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ศึกษาชีวประวัติและผลงานของแม่ครูราตรี ศรีวิไล โดยแบ่งออกเป็น 6 ด้านด้วยกัน ซึ่งข้อมูลได้จากการสัมภาษณ์แบบเจาะลึกจากแม่ครูราตรี ศรีวิไล เพื่อเป็นแนวทางในการวิจัยและพัฒนากรอบแนวคิดในการวิจัย ดังรายละเอียดต่อไปนี้
1. ด้านชีวประวัติและผลงานของแม่ครูราตรี ศรีวิไล
1.1 ด้านชีวประวัติ แม่ครูราตรี ศรีวิไล
1.2 ด้านประวัติการศึกษา แม่ครูราตรี ศรีวิไล
1.3 ประวัติด้านอาชีพและการงาน
1.4 ด้านแรงบันดาลใจ
1.5 ด้านผลงานแม่ครูราตรี ศรีวิไล
2. ด้านจุดเปลี่ยนของหมอลำในสังคมไทยถิ่นอีสาน
3. ด้านลูกศิษย์ที่ประสบผลสำเร็จในการเรียนหมอลำจากแม่ครูราตรี ศรีวิไล
4. ด้านการสอนหมอลำของศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยแม่ครูราตรี ศรีวิไล
5. ด้านการแต่งกลอนลำ
6. ด้านการบริหารจัดการศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล
ด้านชีวประวัติ และผลงานของแม่ครูราตรี ศรีวิไล
1.1 ด้านชีวประวัติ แม่ครูราตรี ศรีวิไล
ชื่อเดิมนางราตรีสวัสดิ์ อุ่นทะยา ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น ราตรีศรีวิไล บงสิทธิพร หรือนามปากกา/นามแฝง เป็นที่รู้จักในวงการศิลปิน “หมอลำราตรี ศรีวิไล” เกิดเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2495 ที่อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ปัจจุบันอายุ 59 ปี บิดาชื่อนายเสริม มารดาชื่อนางหมุน นาห้วยทราย อาชีพศิลปินหมอลำกลอนและนักประพันธ์กลอนลำ มีพี่น้อง 7 คน โดยเรียงรายชื่อพี่น้องตามลำดับดังนี้
1. นายสุนทร ชัยรุ่งเรือง อาชีพศิลปินหมอลำกลอนและนักประพันธ์กลอนลำ
2. นางมณีรัตน์ แก้วเสด็จ อาชีพศิลปิน หมอลำกลอน
3. นางราตรี ศรีวิไล อาชีพศิลปิน หมอลำกลอน ลำกลอนประยุกต์ ลำหมู่ และนักประพันธ์กลอนลำ
4. นางพัชรี แก้วเสด็จ อาชีพศิลปิน หมอลำกลอน
5. นายเชิดชัย ชัยรัตน์โชติ อาชีพรับราชการ และธุรกิจส่วนตัว
6. นางสาวปรีดา แก้วเสด็จ อาชีพศิลปินหมอลำกลอน และนักประพันธ์กลอนลำ
7. นางนิภาพร แก้วเสด็จ อาชีพศิลปิน หมอลำกลอนและรับราชการ
2. สถานภาพทางครอบครัวและภูมิลำเนาปัจจุบัน
ปีพ.ศ. 2517 ได้สมรสกับนายวิชิต บงสิทธิพร อาชีพข้าราชการสาธารณสุข มีบุตรสองคน
ภูมิลำเนาปัจจุบัน พักอยู่บ้านของตัวเองซึ่งเปิดเป็นสำนักงานหมอลำ พร้อมกับศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยด้านศิลปกรรมการแสดงพื้นบ้าน (หมอลำ) โดยได้รับการคัดเลือกให้จัดตั้งขึ้นจากทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ อยู่บ้านเลขที่ 41/60 ซอยหมู่บ้านเสรี ถนนมิตรภาพ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น รหัส 40000 โทรศัพท์ /โทรสาร 043-243070 มือถือ 08-18715868
อีเมล์ rsrivilai@hotmail.com เว็บไซต์ www ratreesrivilai.com
1.2 ด้านประวัติการศึกษา แม่ครูราตรี ศรีวิไล
1.1 การศึกษาวิชาสามัญ โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.1.1 เมื่อปีพ.ศ.2506 จบชั้นประถมศึกษาปีที่สี่ จากโรงเรียนน้ำสวยมิตรภาพ ตำบลสระไคร อำเภอเมืองจังหวัดหนองคาย
1.1.2 เมื่อปีพ.ศ.2523 จบชั้นประถมศึกษาปีที่หก ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน โรงเรียนเชียงยืนพิทยาคมจังหวัดมหาสารคาม
1.1.3 เมื่อปีพ.ศ.2540 จบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
1.1.4 เมื่อปีพ.ศ.2547 จบหลักสูตร ศิลปศาสตรบัณฑิต ในสาขาวิชาพัฒนาชุมชน ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย
1.1.5 เมื่อปีพ.ศ.2554 จบหลักสูตรระดับปริญญาโท สาขาดุริยางคศิลป์ วิชาเอกหมอลำที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
1.2 การศึกษาสายวิชาชีพ โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.2.1 เมื่อปีพ.ศ. 2505 ศึกษาวิชาชีพหมอลำกลอน จากคุณพ่อคุณแม่พี่ชายและพี่สาว
1.2.1 เมื่อปีพ.ศ.2510 ศึกษาวิชาชีพการประพันธ์กลอนลำจากคุณพ่อคุณแม่และพี่ชาย
1.2.1 เมื่อปีพ.ศ.2514 ศึกษาวิชาชีพหมอลำหมู่จากพี่ชายและครูสง่าจิตที่จังหวัดหนองคาย
1.2.1 เมื่อปีพ.ศ.2527 ศึกษาวิชาชีพหมอลำกลอนประยุกต์ จากพี่ชายและประสบการณ์ของตนเอง
1.3 ประวัติด้านอาชีพและการงาน
1.3.1 เมื่อปีพ.ศ.2508 จบการศึกษาวิชาชีพ ด้านการแสดงหมอลำกลอน แล้วยึดเป็นอาชีพมาตลอดถึงปัจจุบัน
1.3.2 เมื่อปีพ.ศ.2512 จบการศึกษาวิชาชีพด้านนักประพันธ์กลอนลำ แล้วยึดเป็นอาชีพมาตลอดถึงปัจจุบัน
1.3.3 เมื่อปีพ.ศ.2515 จบการศึกษาวิชาชีพด้านการแสดงหมอลำหมู่ และเป็นผู้จัดการวงหมอลำหมู่ แล้วยึด เป็นอาชีพ “ควบคู่กับลำกลอน” ถึงปีพ.ศ.2525
1.3.4 เมื่อปีพ.ศ.2520 เป็นครูสอนหมอลำกลอนมาตลอดถึงปัจจุบัน
1.3.5 เมื่อปีพ.ศ.2522 เป็นเจ้าของ สำนักงาน “หมอลำราตรีศรีวิไล” ถึงปัจจุบัน
1.3.6 เมื่อปีพ.ศ.2525 เป็นครูสอนการประพันธ์กลอนลำ และเป็นผู้จัดการวงหมอลำมาตลอดถึงปัจจุบัน
1.3.7 เมื่อปีพ.ศ.2529 จบการศึกษาวิชาชีพด้านการแสดงหมอลำกลอนประยุกต์ แล้วยึดเป็นอาชีพ “ควบคู่กับ ลำกลอน” มาถึงปีพ.ศ.2542 จากนั้นมาถึงปัจจุบัน ยึดอาชีพหมอลำกลอนอย่างเดียว
1.3.8 เมื่อปีพ.ศ.2529 เป็นครูสอนหมอลำกลอนประยุกต์ “ควบคู่กับลำกลอน” ถึงปัจจุบัน
1.3.9 เมื่อปีพ.ศ.2547 เป็นเจ้าของศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยด้านศิลปกรรมแสดงพื้นบ้าน (หมอลำ) ถึงปัจจุบันและเป็นกรรมการในการประกวดทางด้านศิลปวัฒนธรรมให้กับโครงการและหน่วยงานต่าง ๆ
1.4 ด้านแรงบันดาลใจ
แม่ครูราตรี ศรีวิไล เป็นหมอลำอีกคนหนึ่งที่นำวรรณกรรมท้องถิ่นอีสาน ทั้งเก่าและใหม่ไปใช้ในการสื่อสารกับผู้ชมในรูปแบบของศิลปะการแสดง และแรงบันดาลใจที่ทำให้แม่ครูราตรี ศรีวิไลประสบผลสำเร็จในอาชีพหมอลำจนถึงทุกวันนี้ก็เกิดจากสิ่งดังต่อไปนี้
1. ผลงานด้านการแต่งกลอนลำ
1.1 แรงบันดาลใจในอาชีพหมอลำ
แม่ครูราตรี ศรีวิไลมีความใฝ่ฝันอยากเป็นศิลปินและอยากเป็นครูหมอลำและนักแต่งกลอนลำที่มีชื่อเสียงเช่นเดียวกับ พ่อแม่และพี่ชาย และแรงจูงใจส่วนหนึ่งเกิดจากบรรพบุรุษผู้เป็นต้นแบบนำพาสร้างสรรค์และสืบสาน จึงทำให้ซึมซับโดยสายเลือดของศิลปิน ประกอบกับเป็นผู้สนใจทางด้านศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นด้วย จึงเกิดการกระตุ้นให้มีความมุมานะฝึกฝนอบรม ทั้งด้านการแสดงและการแต่งกลอนลำโดยสังเกตวิธีการเรียนรู้ เนื้อหาและขั้นตอนในการแต่งกลอนลำอยู่เป็นประจำ จนสามารถแต่งกลอนลำได้และดีขึ้นตามลำดับ จนได้มาตรฐานของกลอนลำที่ดีโดยผ่านการตรวจสอบของพ่อแม่และพี่ชายทุกบทกลอน
1.2 การพัฒนาเทคนิควิธีการสร้างผลงาน
จากอดีตจนถึงปัจจุบัน งานวรรณกรรมที่สร้างสรรค์ขึ้นมานั้น ผู้ประพันธ์ได้ยึดหลัก 2 ประการคือ ความถูกต้องและครอบคลุมด้านเนื้อสาระของกลอนลำ และคุณค่าทางวรรณศิลป์ ทั้งในแง่ของการเลือกใช้ถ้อยคำ ความถูกต้องของฉันทลักษณ์ ความสะเทือนอารมณ์และสอดคล้องกับทำนอง โดยก่อนจะแต่งกลอนลำแต่ละกลอน ผู้แต่งจะหาข้อมูลในเรื่องนั้นๆให้ชัดเจนและถูกต้องตามข้อเท็จจริง จากเอกสารหรือผู้รู้ ไม่ว่าจะเป็นกลอนลำด้านประวัติศาสตร์ ด้านขนบธรรมเนียม ประเพณีและวัฒนธรรม ด้านพุทธศาสนา ด้านเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมระดับโลก ระดับชาติและระดับท้องถิ่น ด้านปัญหาสังคม และนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลตลอดจนวิทยากรและการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่มีผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชน เมื่อได้ข้อมูลด้านเนื้อหาแล้ว จึงนำมาแต่งเป็นทำนองลำ ซึ่งได้แก่ ทำนองลำทางสั้น ทำนองลำทางยาว ทำนองลำเต้ย ทำนองลำย่าว ลำทางลำเพลิน ทำนองเพลงลูกทุ่ง และทำนองลำประยุกต์ ตามความเหมาะสมที่จะสื่อความหมายถึงผู้ฟังและให้เกิดประโยชน์ในด้านงานวรรณกรรมอันสูงสุด
1.3 ด้านการคาดหวังในศิลปินพื้นบ้านหมอลำ
ในอนาคตคลาดหวังไว้ว่าอยากเห็นความสำเร็จของชีวิต ศิลปินพื้นบ้านอีสาน (หมอลำ) ในด้านบวก อยากให้มีเยาวชนคนรุ่นใหม่มาสนใจเรียนสืบสานด้วยความรัก และยึดเป็นอาชีพมีรายได้สร้างครอบครัวจะได้แบ่งเบาภาระของสังคม ไปได้อีกส่วนหนึ่งและขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการสร้างสื่อการเรียนการสอนให้สะดวกต่อผู้เรียนมากขึ้น เช่นการสอนทางสื่อ ซีดี วีซีดี และทางอินเทอร์เน็ต และอยากเห็นเยาวชนและคนทั่วไปได้เข้าใจและมองเห็นความสำคัญของคำว่า “ศิลปิน” ให้มากขึ้น รักศิลปินด้วยใจ ไม่ใช่รักในรูปแบบธุรกิจอย่างเดียว และอยากจะขอฝากชีวิตของศิลปินทุกแขนงทุกสาขาที่มีอยู่ในผืนแผ่นดินไทย ไว้กับคนไทยทุกคนได้เอาใจใส่ดูแลแนะนำศิลปินได้รู้ทิศทางที่เหมาะสม ที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จในชีวิตการเป็นศิลปินโดยแท้จริง
1.5 ด้านผลงานแม่ครูราตรี ศรีวิไล
งานวรรณกรรมที่มีความโดนเด่น ซึ่งเป็นเอกลักษณ์และมีคุณค่าทางด้านวรรณศิลป์
ที่แม่ครูราตรี ศรีวิไลไม่เคยหยุดนิ่งกับการสร้างสรรค์พัฒนาผลงานวรรณกรรมให้มีความโดดเด่นมีเอกลักษณ์เฉพาะตนและมีคุณค่าทางวรรณศิลป์มาตลอดตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันจนได้สร้างผลงานที่โดดเด่นคือด้านการแต่งกลอนลำแล้วนำไปแสดงเผยแพร่ในงานต่าง ๆ และได้จัดทำเป็นรูปแบบหนังสือบทกลอนลำ เทปคลาสเซท ซีดี วีซีดี วีดีโอ ไว้เป็นบางส่วนโดยสามารถแบ่งกลุ่มของผลงานออกเป็นรายด้านไว้ได้ดังต่อไปนี้
1. ผลงานด้านประวัติการแต่งกลอนลำนำไปแสดงเผยแพร่
2. ผลงานด้านการอนุรักษ์ ถ่ายทอด สืบสานและเผยแพร่
3. ผลงานด้านประวัติรางวัล เกียรติคุณที่ได้รับยกย่อง
4. ผลงานด้านประวัติการอุทิศตน บริการชุมชน สังคม และประเทศชาติ
1. ผลงานด้านประวัติการแต่งกลอนลำนำไปแสดงเผยแพร่
ผลงานกลอนลำที่แม่ครูราตรี ศรีวิไล แต่งด้วยตนเองทั้งให้ตนเองแสดง และให้ลูกศิษย์ได้นำไปแสดง โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. แสดงในงานทั่วไปที่ได้รับว่าจ้างและงานได้รับเชิญทั้งในไทยและต่างประเทศ
2. แสดงช่วยงานสาธารณะ ในโครงการรณรงค์ส่งเสริมวัฒนธรรมและเผยแพร่ข่าวสารบ้านเมือเพื่อช่วยเหลือสังคมในด้านต่าง ๆ ให้กับหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนทั่วไป
3. แสดงประกวดในงานโครงการสืบสานวัฒนธรรมต่าง ๆ
4. แสดงเพื่อการบันทึกเสียงและภาพ รูปแบบ เทป ซีดี และวีซีดี เผยแพร่ทาง หอกระจายข่าว วิทยุ ทีวี และอินเทอร์เน็ต รวมทั้งสอนลูกศิษย์ และทำเพื่อจัดจำหน่ายเผยแพร่ทางด้านธุรกิจเป็นบางส่วน
ประวัติด้านผลงานกลอนลำที่แม่ครูราตรี ศรีวิไลได้แต่งขึ้น และได้นำไปเผยแพร่ยังต่างประเทศสามารถแบ่งออกได้ดังนี้
1. ผลงานด้านประวัติการแต่งกลอนและนำไปแสดงเผยแพร่ระดับชาติและทั่วไป ภายในประเทศ
1.1 เมื่อปีพ.ศ. 2516 แสดงในงานจัดช่อดอกไม้ในกลอนเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ณ หอศิลป์พีระศรี กรุงเทพฯ ในกลอน “เทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี”
1.2 เมื่อปีพ.ศ. 2517 แสดงในงานรณรงค์การวางแผนครอบครัวให้กับโครงการของสมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทย ณ เวทีสามจังหวัด (นำร่อง) ขอนแก่น มหาสารคาม และชัยภูมิ ในกลอน “ลูกมากจะยากจนและรณรงค์ให้รู้จักวิธีใช้ถุงยางมีชัย”
1.3 เมื่อปีพ.ศ. 2532-2535 แสดงในงานคาราวานอีสานไม่กินปลาดิบให้กับกระทรวงสาธารณสุข ณ เวทีรณรงค์อีสานไม่กินปลาดิบ (รวม 17 จังหวัดภาคอีสาน) ในกลอน” “รณรงค์อีสานไม่กินปลาดิบและรณรงค์ให้รู้จักการใช้ส้วมที่ถูกวิธี”
1.4 เมื่อปีพ.ศ. 2533 แสดงในงานวันสิ่งแวดล้อมโลกโครงการมหกรรมเพื่อพิทักษ์ทรัพยากรของชาติและสิ่งแวดล้อม ณ ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว กรุงเทพฯ ในกลอน “พิทักษ์ทรัพยากรของชาติและสิ่งแวดล้อม”
1.5 เมื่อปีพ.ศ. 2535 แสดงในงานเผยแพร่ประชาธิปไตยในนามองค์กรกลาง ณ เวที 10 อำเภอ(นำร่อง) เขตจังหวัดขอนแก่นและมหาสารคาม ในกลอน “รณรงค์ส่งเสริมเผยแพร่ประชาธิปไตย, กลอน “เชิญชวนเลือกตั้งสส.และแนะนำคุณสมบัติผู้แทนที่ดี”
1.6 เมื่อปีพ.ศ. 2535 แสดงในงานประชุมสัมมนาร่วมกับศิลปินแห่งชาติ ณ หอประชุมเล็ก ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในกลอน “อนุรักษ์วัฒนธรรมไทยและลำยาวล่องโขง”
1.7 เมื่อปีพ.ศ. 2537 แสดงในงานสืบทอดชีวิตไทยมหกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติร่วมกับศิลปิน 10ประเทศ ” ณ จังหวัดพิษณุโลก ในกลอน “ความเป็นมาของหมอลำ,อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย,ฮีต 12 คอง 14 ,แนะนำให้คนทำความดี-กลอนเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน”
1.8 เมื่อปีพ.ศ. 2537 แสดงในงานการแสดงพื้นบ้านสี่ภาคครั้งที่ 35 ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในกลอนความเป็นมาของหมอลำ,อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย,ฮีต12 คอง 14,แนะนำให้คนทำความดี-กลอนเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน”
1.9 เมื่อปีพ.ศ. 2537 แสดงสาธิตในงานประชุมสัมมนาสองฝั่งโขง ณ โรงแรมโซฟีเทล จังหวัดขอนแก่น ในกลอน “มิตรภาพไทยลาวและกลอนอวยพรให้คณะเข้าสัมมนา”
1.10 เมื่อปีพ.ศ. 2537 แสดงในงานวันเกษตรแห่งชาติและต้อนรับนายกรับมนตรี(นายชวน หลีกภัย) ณ สนามกีฬากลาง จังหวัดขอนแก่น ในกลอน “เชิญชวนปลูกป่าและประโยชน์ของป่า”
1.11 เมื่อปีพ.ศ.2537 แสดงงานแถลงข่าวการประชุมสัมมนางานดนตรีนานาชาติ ณ มหาวิทยาลัยมหาสารคามในกลอน”อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย”
1.12 เมื่อปีพ.ศ. 2537 แสดงในงานมหกรรมไฟโคม ณ สวนสยาม กรุงเทพฯ (รวม 10 วัน) ในกลอน “แก้ไขปัญหาจราจรในเขตกรุงเทพฯ, กลอน อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ,ฮีต 12 คอง 14 ,แนะนำให้คนทำความดี-กลอนเทิดไท้ในหลวง”
1.13 เมื่อปีพ.ศ. 2537 แสดงในงานสัปดาห์เฉลิมฉลองวันสถาปนามหาวิทยาลัยรามคำแหงครบรอบ 32 ปี ณ มหาวิทยาลัยรามคำแหง กรุงเทพฯ ในกลอน “รณรงค์ให้คนรู้หนังสือ, ปฏิรูปการศึกษา , อนุรักษ์วัฒนธรรมไทยและเทิดไท้ในหลวง
1.14 เมื่อปีพ.ศ.2537 แสดงในงานกาญจนาภิเษก ณ เวทีซุ้มหมู่บ้านอีสานสนามหลวง กรุงเทพฯ ในกลอน “อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย,ฮีต 12 คอง 14 แนะนำให้คนทำความดีและกลอนเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน”
1.15 เมื่อปีพ.ศ.2537 แสดงในงานสัปดห์แห่งพุทธศาสนา ณ เวทีกลางแจ้งสนามหลวง กรุงเทพฯ ในกลอน “พุทธประวัติ,อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย,ฮีต 12 คอง 14 แนะนำให้คนทำความดีและกลอนเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน”
1.16 เมื่อปีพ.ศ. 2538 แสดงในงานแถลงข่าวการประกวดหมอลำแห่งประเทศไทยรอบที่ 1 ณ โรงแรมเจริญธานีปริ๊นเซส จังหวัดขอนแก่น ในกลอน “เชิญชวน ชมงานประกวดหมอลำแห่งประเทศไทย
1.17 เมื่อปีพ.ศ. 2538 แสดงในงานมหกรรมสื่อพื้นบ้านร่วมกับศิลปินพื้นบ้าน ณ หอประชุมเล็ก ศูนย์ วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในกลอน “ประวัติความเป็นมาของหมอลำและกลอนเทิดไท้ในหลวง”
1.18 เมื่อปีพ.ศ. 2538 แสดงในงานบุญพระเหวด ณ บึงพระพลาญชัย จังหวัดร้อยเอ็ด ในกลอน “พระเหวดสันดรตอนพระนางมัทรีสลบ”
1.19 เมื่อปีพ.ศ. 2538 แสดงในงานแถลงข่าวงานรณรงค์พิทักษ์รักษาทรัพยากรของโลกและสิ่งแวดล้อม ณ โรงแรมสยามเบเวอร์รี่ กรุงเทพฯ และแสดงรณรงค์ฯ 4 จังหวัด (นำร่อง) ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมาและกำแพงเพชร ในกลอน “รณรงค์พิทักษ์รักษาทรัพยากรของโลกและสิ่งแวดล้อม”
1.20 เมื่อปีพ.ศ. 2538 เป็นวิทยากรบรรยายและสาธิตการแสดงหมอลำ ในงานประชุมสัมมนาการจัดทำชุดวิชาการแสดงศิลปินพื้นบ้านอีสาน ณ ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดอุบลราชธานี ในกลอน “ประวัติหมอลำ,ด้วยรักจากใจครูและลำยาวล่องโขง”
1.21 เมื่อปีพ.ศ. 2538 เป็นวิทยากรบรรยายและสาธิตการแสดงหมอลำ ในงานสื่อมวลชนและศิลปินสัมพันธ์ ณ โรงแรมโกลเด้นวัลรีสอร์ตเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ในกลอน “รณรงค์ต่อต้านยาเสพติดและพัฒนาคุณภาพชีวิต”
1.22 เมื่อปีพ.ศ. 2538 แสดงในงานมหกรรมนานาชาติและศิลปินพื้นบ้านร่วมกับศิลปิน 10 ประเทศ ณ จังหวัดนครศรีธรรมราช ในกลอน “ความเป็นมาของหมอลำ,อนุรักษ์วัฒนธรรม,ฮีต 12 คอง 14 และเทิดไท้ในหลวง”
1.23 เมื่อปีพ.ศ. 2538 แสดงในงานมหกรรมนานาชาติร่วมกับศิลปิน 8 ประเทศ ณ จังหวัดราชบุรี ในกลอน “ความเป็นมาของหมอลำ,อนุรักษ์วัฒนธรรม,ฮีตคองประเพณีและเทิดไท้ในหลวง”
1.24 เมื่อปีพ.ศ. 2538 แสดงในงานมหกรรมสื่อพื้นบ้านร่วมกับศิลปิน 4 ภาค ณ หอประชุมเล็กศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในกลอน “ความเป็นมาของหมอลำ,อนุรักษ์วัฒนธรรม,ฮีตคองประเพณีและเทิดไท้ในหลวง”
1.25 เมื่อปีพ.ศ. 2538 แสดงในงานมรดกโลก ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง กทม.ในกลอน “ฮีต 12 คอง 14 ,ฮีต ยี่คองเจียง,ฮีตผัวคองเมียและเฮือนสามน้ำสี่”
1.26 เมื่อปีพ.ศ. 2538 แสดงในงานอบรมเจ้าหน้าที่บรรณารักษ์ลาว ณ โรงแรมโฆษะ จังหวัดขอนแก่น ในกลอน “มิตรภาพไทย-ลาวและอวยพรคณะที่เข้าสัมมนา”
1.27 เมื่อปีพ.ศ. 2538 แสดงในงานมหกรรมนานาชาติ ณ จังหวัดอุดรธานี ในกลอน “ลำพื้นพุทธทำนาย, อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย,ฮีต 12 คอง 14 ,แนะนำให้คนทำความดีและกลอนเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน”
1.28 เมื่อปีพ.ศ. 2538 แสดงในงาน World Tech ณ จังหวัดนครราชสีมา ในกลอน “ลำพื้นพุทธทำนาย, อนุรักษ์วัฒนธรรม,ฮีตคองประเพณีและเทิดไท้ในหลวง”
1.29 เมื่อปีพ.ศ. 2538 ถ่ายทำสารคดีณ ที่บ้าน เรื่องประวัติของหมอลำให้กับชาวประเทศออสเตรเลียไปเผยแร่ออก ทีวี ที่ประเทศออสเตรเลีย ในกลอน “ลำพื้นพุทธทำนาย, “ความเป็นมาของหมอลำ,ลำทางสั้นไหว้ครู,ลำยาวล่องโขงและลำเต้ยอำลาพาจาก”
1.30 เมื่อปีพ.ศ. 2539 แสดงในงานวัฒนธรรมประจำปี ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในกลอน “ลำพื้นพุทธทำนาย, อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย,ฮีต 12 คอง 14 ,แนะนำให้คนทำความดีและกลอนเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน” ปีพ.ศ. 2539 แสดงในงานดนตรีนานาชาติเอเชียแปซิฟิกร่วมกับศิลปิน 8 ประเทศ ณ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ในกลอน “อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย,ฮีต 12 คอง 14 ,แนะนำให้คนทำความดีและกลอนเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน”
1.31 เมื่อปีพ.ศ. 2539 แสดงในงานศิลปวัฒนธรรมแห่งชาติร่วมกับศิลปิน 10 ประเทศ ณ จังหวัดราชบุรีในกลอน “ลำพื้นพุทธทำนาย, อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย,ฮีต 12 คอง 14 ,แนะนำให้คนทำความดีและกลอนเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน”
1.32 เมื่อปีพ.ศ. 2539 แสดงในงานมหกรรมวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติกาญจนาภิเษก ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยในกลอน “อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย,ฮีต 12 คอง 14 ,แนะนำให้คนทำความดีและกลอนเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน”
1.33 เมื่อปีพ.ศ. 2539 แสดงงานแถลงข่าวและประกวดหมอลำแห่งประเทศไทยรอบสุดท้าย ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในกลอน “ลำพื้นพุทธทำนาย, อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย,ฮีต 12 คอง 14 ,แนะนำให้คนทำความดีและกลอนเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน”
1.34 เมื่อปีพ.ศ. 2540 แสดงในงานเทางามสัมพันธ์ ณ เวทีกลางมหาวิทยาลัยบูรพา จังหวัดชลบุรี ในกลอน “ปฏิรูปการศึกษา,อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย,ฮีต 12 คอง 14 ,แนะนำให้คนทำความดีและกลอนเทิดพระเกียรติพระเจ้าอยู่หัว”
1.35 เมื่อปีพ.ศ. 2540 แสดงในงานวัฒนธรรมแห่งชาติและนานาชาติ ณ เวทีกลางเทศบาลเมืองพัทยาและอำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ในกลอน “ลำพื้นพุทธทำนาย, อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย,ฮีต 12 ครอง 14,แนะนำให้คนทำความดีและกลอนเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน”
1.36 เมื่อปีพ.ศ. 2540 แสดงในงานวัฒนธรรมสัมพันธ์ร่วมกับศิลปินประเทศลาว ณ เวทีคุ้มวัฒนธรรม จังหวัดขอนแก่น ในกลอน “มิตรภาพไทย – ลาว, เชิญชวนเที่ยวงานไหมและเทิดไท้ในหลวง”
1.37 เมื่อปีพ.ศ. 2540 แสดงภาพยนตร์เรื่องอันดากับฟ้าใส (เป็นยายของอันดา) ณ โรงละครตำรวจน้ำ กรุงเทพฯในกลอน “สอนหลานชาย”
1.38 เมื่อปีพ.ศ. 2541 แสดงในงานความเก่าและความใหม่ที่กลมกลืน ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยในกลอน “ลำพื้นพุทธทำนาย, ลำพื้นนิทานสังข์ศิลป์ชัย,ลำหมู่เรื่องยายหมาขาว,ลำกลอนย้อนยุคกลอนไหว้ครู,ลำภูไทยและเทิดไท้ในหลวง”
1.39 เมื่อปีพ.ศ. 2541 แสดงในงานอะเมซิ่งไทยแลนด์ร่วมกับศิลปิน ๔ ภาค ณ เวทีซุ้มภาคอีสานสนามหลวง กรุงเทพฯ ในกลอน “อเมซิ่งไทยแลนด์,ไทยนิยมไทย,เชิญชวนท่องเที่ยวไทยและเทิดไท้ในหลวง”
1.40 เมื่อปีพ.ศ. 2541 แสดงสาธิตในงาน วิจัยระบบเสียงดนตรีเอเชี่ยน ที่ อ.ขงเจียม จ.อุบลราชธานี และ สถาบันวิจัยศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ในกลอน “ประวัติและความเป็นมาของหมอลำ,ลำพื้น,ลำกลอน,ลำหมู่,ลำเพลิน,ลำศิลป์ชัยและลำกลอนประยุกต์”
1.41 เมื่อปีพ.ศ. 2541 แสดงงานมหกรรมนานาชาติ ณ เวทีกลางจังหวัดกระบี่ ร่วมกับ ศิลปินต่างประเทศ ในกลอน “ลำพื้นพุทธทำนาย, อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย,ฮีต 12 คอง14 ,แนะนำให้คนทำความดีและกลอนเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน”
1.42 เมื่อปีพ.ศ. 2541 แสดงงานวัฒนธรรมประจำปี ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในกลอน “เชิญชวนท่องเที่ยวไทย,อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย,ฮีต 12 คอง14 ,แนะนำให้คนทำความดีและกลอนเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน”
1.43 เมื่อปีพ.ศ. 2542 แสดงงานฝังกรุวัฒและต้อนรับวัฒนธรรมไทย ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยในกลอน กลอน “เชิญชวนท่องเที่ยวไทย,อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย,ฮีต 12 คอง 14 ,แนะนำให้คนทำความดีและกลอนเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน”
2. ผลงานด้านประวัติแต่งลอนลำและนำไปลำแสดงเผยแพร่ภาพและเสียง สื่อเทป,วีดีโอซีดี
2.1 เมื่อปีพ.ศ.2535 ให้สัมภาษณ์เรื่องศิลปินกับการเลือกตั้ง และสาธิตการแสดงหมอ กับ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง แพร่ภาพออกทีวี ช่อง 11 ขอนแก่น “รายการเวทีชาวบ้าน” ในกลอน เผยแพร่ประชาธิปไตย
2.2 เมื่อปีพ.ศ.2536 ให้สัมภาษณ์เรื่องโรงเรียนสอนหมอลำและสาธิตการแสดงหมอลำ แพร่ภาพออกทีวีช่อง3 กรุงเทพฯ “รายการส่องโลกกว้าง”ในกลอน ประวัติความเป็นมาของหมอลำ
2.3 เมื่อปีพ.ศ.2536 ให้สัมภาษณ์เรื่องการเรียนการสอนหมอลำและเป็นวิทยากรร่วมกับ อ.ศาสตร์ จิตระ ในรายการวัฒนธรรมอีสาน แพร่ภาพออกทีวีช่อง 11 ขอนแก่น โดยการบรรยายและสาธิตการแสดงหมอลำ ลำพื้น ลำกลอน ลำกลอนประยุกต์ เป็นต้น ในกลอน อนุรักษ์วัฒนธรรม
2.4 เมื่อปีพ.ศ.2538 ให้สัมภาษณ์เรื่องศิลปวัฒนธรรมอีสานและสาธิตการแสดงหมอลำ ร่วมกับ ดร.วิลเลี่ยม ชาวสหรัฐอเมริกา ในรายการ “อนุรักษ์วัฒนธรรม” แพร่ภาพออกทีวีช่อง 11 ขอนแก่น ในกลอน เชิญชวนท่องเที่ยวไทย
2.5 เมื่อปีพ.ศ.2538 ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการเชิญชวนเลือกตั้ง ส .ส. ร่วมกับ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง แพร่ภาพออกทีวีช่อง 11 ขอนแก่น และสาธิตการแสดงหมอลำ ในกลอน คนจนกับประชาธิปไตย ในรายการ “เผยแพร่ประชาธิปไตย”
2.6 เมื่อปีพ.ศ.2538 ให้สัมภาษณ์เรื่องศิลปินพื้นบ้านกับการไหว้ครู (ยกอ้อ) กับ ด.ร.สมบัติ ในรายการ “ความรู้คือประทีป”และสาธิตการแสดงหมอลำในกลอน ไหว้ครู (ยกอ้อ) เผยแพร่ออกทีวีช่อง 9 อ.ส.ม.ท
2.7 เมื่อปีพ.ศ.2539 สาธิตการแสดงศิลปินพื้นบ้านเรื่องรณรงค์ร่วมใจ ณ ที่วัดพระธาตุขามแก่น บ้านขามธาตุใหญ่ จ.ขอนแก่น โครงการ “ปีแห่งการส่งเสริมประชนของรัฐ” แพร่ภาพออกทีวี ITV ทั่วประเทศ ในกลอน ปีแห่งข้าราชการการบริการประทับใจ
2.8 เมื่อปีพ.ศ.2536 – 2539 เป็นพิธีกรจัดรายการ “หมอลำกลอนและหมอลำซิ่งอิง วัฒนธรรม” แพร่ภาพทางทีวีช่อง 11 ขอนแก่น (จากเวลา 16.00-17.00น. จัดทุกวันจันทร์) รูปแบบการแสดง “ลำพื้น,ลำกลอน,ลำกลอนประยุกต์ในกลอน ในกลอน ไหว้ครู,เทิดไท้ในหลวง, อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย,พรหมวิหารสี่, ฮีต 12, คอง 14, เฮือนสามน้ำสี่,ฮีตยี่คองเจียง,ฮีตผัวคองเมีย,เงินบาทลอยตัว,อเมซิ่งไทยแลนด์, ไทยนิยมไทย, เชิญท้องเที่ยวไทย,นิทานต่าง ๆ , กลอนรณรงค์ส่งเสริมวัฒนธรรมและกลอนเผยแพร่ข่าวสารบ้านเมืองเพื่อช่วยเหลือสังคมได้อยู่เย็นเป็นสุข
2.9 เมื่อปีพ.ศ.2539 ให้สัมภาษณ์เรื่องประวัติของหมอลำและสาธิตการแสดงหมอลำให้กับรายการโชว์ Time by แพร่ภาพ ออกรายการช่อง 3 ในกลอน ประวัติและความเป็นมาของหมอลำ
2.10 เมื่อปีพ.ศ.2540 สาธิตการแสดงศิลปินพื้นบ้านเรื่องประวัติลำกลอน - ลำกลอนประยุกต์ และแสดงคอนเสิร์ตหมอลำรายการ “โลกดนตรีสัญจร” แพร่ภาพออกรายการโทรทัศน์ ITV ในกลอน ประวัติลำและความเป็นมาของหมอลำ
2.11 เมื่อปีพ.ศ.2541 ให้สัมภาษณ์เรื่องโรงเรียนสอนหมอลำและหมอแคน และสาธิตการแสดงหมอลำ รายการ “คนไทยวันนี้” แพร่ภาพออก ทางช่อง 7 ในกลอน เตือนให้คนทำความดี
2.12 เมื่อปีพ.ศ.2542 ให้สัมภาษณ์เรื่องลำล่องโขงร่วมกับดาราตลกรายการ “แสบคูณสอง” และสาธิตการแสดงหมอลำ แพร่ภาพออกทางทีวีช่อง 7 ในกลอน ลำยาวล่องโขง
2.13 เมื่อปีพ.ศ.2542 สาธิตการแสดงศิลปินพื้นบ้านเรื่องการเชิญชวนเที่ยวงานกีฬา เอเชียนเกมส์ครั้งที่ 13 ณ ห้องถ่ายทำรายการช่อง 11 ขอนแก่น เผยแพร่ทั่วประเทศในกลอน เชิญชวนเที่ยวงานกีฬาเอเชียนเกมส์
2.14 เมื่อปีพ.ศ.2542 ให้สัมภาษณ์เรื่องศิลปวัฒนธรรมอีสานและสาธิตการแสดงหมอลำประยุกต์รายการ “ทไวไลท์โชว์” แพร่ภาพออกทีวีสีช่อง 3 ในกลอน เงินบาทลอยตัว – ไทยช่วยไทย
2.15 เมื่อปีพ.ศ.2542 ให้สัมภาษณ์เรื่องเยาวชนไทยกับการสืบสานศิลปวัฒนธรรมไทย และสาธิตการแสดงหมอลำออกรายการ “วัฒนธรรมหลังข่าวเที่ยงวัน” แพร่ภาพทางช่อง ITV ในกลอน อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย
2.16 เมื่อปีพ.ศ.2543 แสดงหมอลำเรื่อง รณรงค์ต่อต้านยาเสพติด โครงการของ ปปส. แพร่ภาพออกรายการทีวีช่อง 11 ขอนแก่น ในกลอน รณรงค์ต่อต้านยาเสพติด (รวม 10 กลอน) และมอบให้ ปปส.เผยแพร่ต่อ
2.17 เมื่อปีพ.ศ.2549 ให้สัมภาษณ์รายการสาระแนจังดึก แพร่ภาพออกรายการทีวีช่อง ITV ในกลอน อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย
2.18 เมื่อปีพ.ศ.2549ให้สัมภาษณ์ รายการ “คิดได้ไง” แพร่ภาพออกรายการทีวีช่อง ITV และสาธิตการแสดงหมอลำในกลอน ประวัติลำและความเป็นมาของหมอลำ
2.19 เมื่อปีพ.ศ.2550ให้สัมภาษณ์และสาธิตการแสดงหมอลำ และสอนลำ-ท่าฟ้อนให้กับพิธีกรในรายการ “ย้อนรอย” แพร่ภาพออกรายการทีวีช่อง ITVลำในกลอนอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย
2.20 เมื่อปีพ.ศ.2550 ให้สัมภาษณ์กับพิธีกรชาวญี่ปุ่นเรื่อง “ตำนานส้มปลา” แพร่ภาพออกรายการทีวีญี่ปุ่นและสาธิตการแสดงหมอลำ ในกลอน ประวัติของส้มปลา
2.21 เมื่อปีพ.ศ.2551 ให้สัมภาษณ์ เรื่องความเป็นมาของหมอลำ และสาธิตการแสดงหมอลำกลอน ในโครงการ “ศิลปวัฒนธรรมอีสาน “แพร่ภาพออกทางทีวีช่อง 11 ขอนแก่น
2.22 เมื่อปีพ.ศ.2551 แสดงหมอลำกลอนและแสดงลำกลอนประยุกต์ ในโครงการ “ปลุกจิตสำนึกให้คนไทยรักชาติ”ให้กับสำนักประชาสัมพันธ์เขต 1 แพร่ภาพออกทางทีวีช่อง 11 ขอนแก่น แลเผยแพร่ทาง เว็ปไซต์ของสำนักประชาสัมพันธ์เขต 1 และ ทางอีเมล rsrivilai@hotmail.com เว็บไซต์ www ratreesrivilai.com
2.23 เมื่อปีพ.ศ.2553 ให้สัมภาษณ์ เรื่องการเรียนการสอนหมอลำ และสาธิตการแสดงหมอลำให้กับรายการ “ลุยไม่รู้โรย” แพร่ภาพออกรายการ ช่อง ทีวีไทย”
2.24 เมื่อปีพ.ศ.2553 ให้สัมภาษณ์ เรื่องความเป็นมาของหมอลำ และสาธิตการแสดงหมอลำพื้น,ลำกลอน และลำกลอนประยุกต์ ให้กับรายการ “ไทยโชว์” แพร่ภาพออกรายการ ช่อง ทีวีไทย
2.25 เมื่อปีพ.ศ.2554 ให้สัมภาษณ์ เรื่องความเป็นมาของหมอลำ และแต่งกลอนลำนำไปแสดในงานเปิดตัว “ทีวีจออีสาน” ที่คณะการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัย มหาสารคาม ในกลอน “เชิญร่วมสร้างสื่อรายการทีวีจออีสาน” แพร่ภาพออกช่อง ทีวีไทย
2.26 เมื่อปีพ.ศ.2554 ให้สัมภาษณ์ เรื่องการเรียนการสอนหมอลำกลอนประยุกต์ และแสดงลำกลอนประยุกต์ ให้กับรายการ “เวทีไทย” ณ ที่ตลาดพระประแดง กทม. แพร่ภาพออก ทีวีสีช่อง 5
3. ผลงานด้านประวัติการแต่งกลอนลำและนำไปแสดงเผยแพร่ ต่างประเทศ
3.1 เมื่อปีพ.ศ.2516 ที่ประเทศลาว แสดงในงานวางแผนครอบครัวที่แขวงสีทันดร (โดยการได้รับเชิญจากสมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทย)
3.2 เมื่อปีพ.ศ.2536 ที่ประเทศจีน แสดงในงาน มหกรรมวัฒนธรรมนานาชาติที่ นครหนานหนิง (โดยการได้รับเชิญจาก สวช.)
3.3 เมื่อปีพ.ศ.2537 ที่ประเทศเกาหลี แสดงในงานสัมนาดนตรีวิทยา (โดยการได้รับเชิญจากสมาคมดนตรีเอเชียแปซิฟิก)
3.4 เมื่อปีพ.ศ.2537 ที่ประเทศลาว แสดงในงาน“แรกเปลี่ยนวัฒนธรรม” ระหว่างไทย-ลาว และหาเงินสมทบทุนบำรุงศูนย์วัฒนธรรมนครเวียงจันทน์ (โดยการได้รับเชิญจากศูนย์วัฒนธรรมนครเวียงจันทน์)
3.5 เมื่อปีพ.ศ.2538 ที่ประเทศญี่ปุ่น แสดงในงาน สัมมนาดนตรีวิทยา ที่นครโอซาก้า (โดยการได้รับเชิญจากสมาคมดนตรีเอเชียแปซิฟิค)
3.6 เมื่อปีพ.ศ.2540 ที่ ประเทศไต้หวัน แสดงในงานมหกรรมดนตรี ที่มหาวิทยาลัยกรุงไทเป (โดยการได้รับเชิญจาก มหาวิทยาลัยกรุงไทเป)
3.7 เมื่อปีพ.ศ.2544 ที่ประเทศญี่ปุ่น แสดงในงานประชุมสโมสรโรตารี่ ที่กรุงโตเกียว (โดยการได้รับเชิญจาก ทูตทางวัฒนธรรมประเทศญี่ปุ่น) และแสดงในงาน ประชุมกลุ่มแม่บ้านญี่ปุ่น ที่สถานเอกอรรคราชทูตไทย(โดยการได้รับเชิญจากเอกอรรคราชทูตไทยประเทศญี่ปุ่น)และแสดงในงานอาหารไทย ที่เทศบาลภูจิชัง กรุงโตเกียว (โดยการได้รับเชิญจากเทศบาลภูจิชัง)
3.8 เมื่อปีพ.ศ.2544 ที่ ประเทศจีน แสดงงาน “มหกรรมวัฒนธรรมนานาชาติ” ที่นครหนานหนิง(โดยการได้รับเชิญจากเทศบาลนครหนานหนิง)
3.9 เมื่อปีพ.ศ.2548 ที่ประเทศสวีเดน แสดงในงาน เทิดพระเกียรติ ครบ 108 ปี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประภาสประเทศสวีเดน ณ ที่เมืองรากุนดา และแสดงในงาน วางศิลาฤกษ์วัดไทยในสวีเดน “วัดพุทธาราม” ที่เมืองฟริสดิการ์ ภาคเหนือของ สวีเดน (โดยการได้รับเชิญจากสมาคมคนไทยในสวีเดน)
3.10 เมื่อปีพ.ศ.2548 ที่ประเทศใต้หวัน แสดงในงาน “รณรงค์เชิญชวนเลือกตั้ง สว.” ที่เมืองเกาสง (โดยการได้รับเชิญจาก กกต.ประเทศไทย)
3.11 เมื่อปีพ.ศ.2542 ที่ประเทศจีน แสดงในงาน “มหกรรมดนตรีนานาชาติ” ที่เมืองจางเจื๋ยเจื้ย (โดยการได้รับเชิญจากกระทรวงศึกษาธิการ)
3.12 เมื่อปีพ.ศ.2542 ที่ประเทศเวียดนาม แสดงในงาน “แรกเปลี่ยนวัฒนธรรม” ที่ มหาวิทยาลัยเมืองเหว้ (โดยการไปดูงานศิลปวัฒนธรรมดนตรี ร่วมกับคณะครูอาจารย์วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัย มหาสารคามเพื่อมาทำวิจัยในงานวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโท)
3.13 เมื่อปีพ.ศ.2553 ที่ประเทศอินโดนีเซีย แสดงในงาน “แรกเปลี่ยนวัฒนธรรม” ระหว่างไทย-อินโดนีเซีย ที่มหาวิทยาลัย ย๊อคจากาตาร์ และสถาบันดนตรีศิลปะ และวัฒนธรรม ที่ย๊อคจากาตาร์ (โดยการได้รับเชิจากวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม)
3.14 เมื่อปีพ.ศ.2553 ที่ประเทศลาว แสดงในงาน “แรกเปลี่ยนวัฒนธรรม” ระหว่างไทย-ลาว ที่ มหาวิทยาลัยเมืองปากเซ (โดยการไปดูงานศิลปวัฒนธรรมดนตรี ร่วมกับคณะครูอาจารย์วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เพื่อมาทำวิจัยในงานวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโท)
2. ผลงานด้านการอนุรักษ์ ถ่ายทอด สืบสานและเผยแพร่
2.1 ด้านการอนุรักษ์และเผยแพร่ด้วยตนเอง
โดยการแต่งกลอนลำเน้นไปในทางการปฏิรูปประเทศไทยด้วยใจธรรมมะ และนำผลงานไปแสดงเผยแพร่ต่อสาธารณชน ในงานต่าง ๆ และเปิดสอนลูกศิษย์ ทั้งหมอลำแบบดั้งเดิมและลำประยุกต์ โดยสร้างหลักสูตรและปรับสื่อการเรียนการสอนให้ทันสมัยตามเทคโนโลยีและให้เหมาะสมตามยุค สิ่งสำคัญคือสอนเรื่องคุณธรรมประจำใจให้ลูกศิษย์มีใจรักและรู้ทิศทางในการเป็นศิลปินที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง และรู้จักการยืนอยู่บนพื้นฐานของวัฒนธรรมหรือความพอดีพองามและพอเพียง
2.2 ตัวอย่างผลงานวรรณกรรม (แต่งกลอนลำ) ที่จัดพิมพ์และรวบรวมไว้เป็นรูปเล่ม (บางส่วน)
2.2.1 หัวข้อใหญ่ชื่อเล่มที่รวบรวมและจัดทำไว้จำนวน 16 เล่ม ดังนี้
2.2.1.1 รวมกลอนเล่มที่ 1 ชุดเทิดพระเกียรติ
2.2.1.2 รวมกลอนลำเล่มที่ 2 ชุดปลุกจิตสำนึกให้คนไทยรักชาติ
2.2.1.3 รวมกลอนลำเล่มที่ 3 ชุดคุณธรรม จริยธรรมและอนุรักษ์วัฒนธรรม
2.2.1.4 รวมกลอนลำเล่มที่ 4 ชุดพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
2.2.1.5 รวมกลอนลำเล่มที่ 5 ชุดรณรงค์และเผยแพร่ข่าวสารโครงการต่าง ๆ
2.2.1.6 รวมกลอนลำเล่มที่ 6 ชุดเชิญชวนท่องเที่ยวไทย
2.2.1.7 รวมกลอนลำเล่มที่ 7 ชุดเผยแพร่ประชาธิปไตยและการเลือกตั้งนักการเมือง
2.2.1.8 รวมกลอนลำเล่มที่ 8 ชุดนิทานโบราณคดีและวรรณคดี
2.2.1.9 รวมกลอนลำเล่มที่ 9 ชุดประวัติศาสตร์ไทย
2.2.1.10 รวมกลอนลำเล่มที่ 10 ชุดโครงการเร่งด่วนของรัฐบาล 2.2.1.11 รวมกลอนลำเล่มที่ 11 ชุดเบ็ดเตล็ดประเภทลำกลอน
2.2.1.12 รวมกลอนลำเล่มที่ 12 ชุดเบ็ดเตล็ดประเภทลำกลอนประยุกต์
2.2.1.13 รวมกลอนลำเล่มที่ 13 ชุดเบ็ดเตล็ดประเภทลูกทุ่งหมอลำ
2.2.1.14 รวมกลอนลำเล่มที่ 14 ชุดรายงานตัวของศิลปินในค่าย
2.2.1.15 รวมกลอนลำเล่มที่ 15 ชุดหลักสูตรการสอนหมอลำทั้งเรียนประจำและทางไปรษณีย์
2.2.1.16 รวมกลอนลำเล่มที่ 16 ชุดหลักการประพันธ์กลอนลำเบื้องต้น
2.2.2 แยกกลุ่มและชื่อหัวข้อกลอนในแต่ละเล่ม
2.2.2.1 เล่มที่ 1 ชุดเทิดพระเกียรติฯ ประกอบด้วย กลอนเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช กลอนเทิดพระเกียรติ 72 พรรษามหาราช กลอนเทิดพระเกียรติ 72 พรรษามหาราชินี กลอนเทิดพระเกียรติพระเจ้าตากสินมหาราช และกลอนเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาสยามบรมราชกุมารี เป็นต้น
2.2.2.2 เล่มที่ 2 ชุดกลอนปลุกจิตสำนึกคนไทยให้รักชาติ ประกอบด้วย กลอนเกิดเป็นคนไทยต้องรักกัน สามัคคีเถอะไทย และกลอนเศรษฐกิจพอเพียง ร้อยดวงใจเทิดไท้องค์ราชัน เทิดไท้ในหลวงหลวง 60 ปีครองราชย์พระชนม์มายุ 80 พรรษา กลอนคนไทยใฝ่สามัคคี กลอนขวานทองของไทย กลอนส่งกำลังใจให้ชาวไต้ กลอนเสาเข็มชีวิต 8 ต้น เลิกเหล้าเลิกจน เลิกเหล้าเข้าพรรษาเพื่อบูชาเทิดไท้ในหลวง พอเพียงหล่อเลี้ยงใจประชาธิปไตยไตรหล่อหลอมชาติ เชิญชวนร่างรัฐธรรมนูญ เชิญชวนร่วมลงประชามติฯ ขั้นตอนการลงคะแนนออกเสียงประชามติรัฐธรรมนูญ
2.2.2.3 เล่มที่ 3 ชุดที่ว่าด้วยคุณธรรม จริยธรรม และศิลปวัฒนธรรม ประกอบด้วย กลอนไหว้ครู กลอนที่ว่าด้วยอานิสงส์แห่งบุญและการทำบุญ กลอนอนุรักษ์วัฒนธรรม กลอนพรหมวิหารสี่ กลอนภาษาถิ่นก็ภาษาไทย กลอนเสน่ห์ภาษาถิ่นไทยอีสาน
และกลอนเตือนคนให้ทำความดี เป็นต้น
2.2.2.4 เล่มที่ 4 ชุดพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสังคมแวดล้อม ประกอบด้วยกลอนพิทักษ์สิ่งแวดล้อม กลอนเชิญชวนชุมชนรักษาปลูกป่าและปลูกต้นไม้ กลอนที่ว่าด้วยประโยชน์ของป่าไม้และต้นไม้ กลอนที่ว่าด้วยทาของการทำลายป่าไม้ เป็นต้น
2.2.2.5 เล่มที่ 5 ชุดรณรงค์และเผยแพร่ข่าวสารโครงการต่าง ๆ ประกอบด้วยกลอนรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด กลอนอีสานไม่กินปลาดิบหรือกลอนรณรงค์พยาธิใบไม้ในตับกลอนต่อต้านโรคเอดส์ กลอนพัฒนาคุณภาพชีวิต กลอนกบฏ กลอนไข้เลือดออก กลอนการออกกำลังกายหน่วยกู้ชีพ กลอนหน่อไม้ปี๊บปรับกรด กลอนออมวันละ 3 บาท เลิกเหล้า- เลิกจน กลอนถนนข้าวเหนียว สนุกได้ - ไร้แอลกอฮอล์ ที่ว่าด้วยม่วนชื่นสงกรานเมือบ้านปลอดภัย รณรงค์อุบัติเหตุจราจร และกลอนเชิญชวนออกกำลังกาย เป็นต้น
2.2.2.6 เล่มที่ 6 ชุดเชิญชวนท่องเที่ยวไทย ประกอบด้วย กลอนเชิญชวนท่องเที่ยวขอนแก่นและมหาสารคาม กลอนเชิญชวนเที่ยวทั่วอีสาน และ กลอนอเมซซิ่งไทยแลนด์เที่ยวจังหวัดหนองคาย ชัยภูมิ หนองบัวลำภู และกลอนประวัติความเป็นมาเขื่อนอุบลรัตน์ เป็นต้น
2.2.2.7 เล่มที่ 7 ชุดเผยแพร่ประชาธิปไตย ประกอบด้วย กลอนการเลือกตั้งนักการเมือง กลอน สสร. กลอนเชิญชวนร่างรัฐธรรมนูญ กลอนเชิญชวนประชามติรัฐธรรมนูญ กลอนที่ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. การเลือกตั้ง สว. การเลือกตั้ง อบจ. และการเลือกตั้ง อบต. และกลอน ปฏิรูปปรับเทศไทย “ด้วยใจเขาใจเรา” เป็นต้น
2.2.2.8 เล่มที่ 8 ชุดนิทานโบราณคดี และวรรคดี ประกอบด้วยกลอนนิทานชาดก กลอนนิทานเวสสันดร กลอนกามนิต-วาสิษฐี กลอนนิทานมโนรา กลอนนิทานนางนกกระยางขาว นิทานนางโตวา พ่อม่ายใจบาป ผู้ชายเอาเมียควาย จระเข้หลงกล และกลอนนิทานศิลป์ชัย ตอนศิลป์ชัยชมดงเป็นต้น
2.2.2.9 เล่มที่ 9 ชุดประวัติศาสตร์ไทย ประกอบด้วย กลอนถิ่นเดิมของไทยกลอนประวัติศาสตร์สมัยสุโขทัย กลอนประวัติศาสตร์สมัยกรุงศรีอยุธยา และกลอนประวัติศาสตร์สมัยกรุงธนบุรี เป็นต้น
2.2.2.10 เล่มที่ 10 ชุดโครงการเร่งด่วนของรัฐบาล ประกอบด้วยกลอน โครงการสารคามพัฒนา โครงการ กสช.โครงการพัฒนาคุณภาพของข้าราชการ โครงการเร่งด่วนของรัฐบาล การปฏิรูปการศึกษา โครงการเชิญเที่ยวงานเอเป็กและงานโอท๊อป เป็นต้น
2.2.2.11 เล่มที่ 11 ชุดเบ็ดเตล็ดประเภทลำกลอน ในทำนองลำทางสั้น ลำทางยาว และลำเต้ย ประกอบด้วย กลอนกำเนิดมนุษย์ กลอนที่ว่าด้วยพงสาวดารเวียงจันทร์ กลอนพุทธทำนาย กลอนปริศนาเสี่ยวสวาท กลอนสาดเย้ยฮุ่มฮอ กลอนเกี้ยวกลอนล่องลา และกลอนเต้ยลาเป็นต้น
2.2.2.12 เล่มที่ 12 ชุดเบ็ดเตล็ดประเภทกลอนลำประยุกต์ ประกอบด้วย กลอนบันเทิง และกลอนตลก เป็นต้นที่เน้นความสนุกสนาน
2.2.2.13 เล่มที่ 13 ชุดเบ็ดเตล็ดประเภทลูกทุ่งหมอลำสาระบันเทิง ประกอบด้วย กลอนวิถีชีวิตศิลปิน กลอนวิถีชีวิตชาวบ้านและสังคม กลอนตลก กลอนบันเทิง กลอนสร้างสรรค์ และกลอนแนะนำภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ เป็นต้น
2.2.2.14 เล่มที่ 14 ชุดบอกบ้านหรือกลอนแนะนำตัวหมอลำ ประกอบด้วย กลอนแนะนำตัวของศิลปินหมอลำแต่ละคน รวมทั้งครูหมอลำด้วย
2.2.2.15 เล่มที่ 15 ชุดหลักสูตรการเรียนการสอนหมอลำทั้งเรียนประจำและทางไปรษณีย์
2.2.2.16 เล่มที่ 16 หลักการประพันธ์กลอนลำเบื้องต้น
2.2.3 ผลงานด้านการเผยแพร่บทกลอนลำที่แต่ง
บทกลอนลำที่แต่งรวบรวมเป็นรูปเล่มได้ 16 เล่ม ส่วนหนึ่งได้มอบให้สถาบันการศึกษาเพื่อเป็นการศึกษาแล้วเป็นบางแห่ง เช่น สวช.,สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยราชภัฎเลย มหาวิทยาลัย ราชมงคล และมหาวิทยาราชภัฎสกลนคร เป็นต้น รวมทั้งโรงเรียนประถมและมัธยมหลายแห่ง และลูกศิษย์ทุกคนตลอดจนนิสิตนักศึกษาและนักวิชาการและผู้ที่เข้ามาขอข้อมูลเพื่อการศึกษา
3. ผลงานด้านประวัติรางวัล เกียรติคุณที่ได้รับยกย่อง
3.1 ประวัติรางวัลเชิดชูเกียรติ (ระดับสูงสุด)
3.1.1 ประวัติรางวัลพระราชทาน
3.1.1 เมื่อปี พ.ศ. 2516 รับพระราชทานรางวัล พวงมาลัยดอกไม้สดจากสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี โดยการแสดงหมอลำในงาน “จัดช่อดอกไม้” ณ ที่หอศิลป์พีระศรี
3.1.2 เมื่อปี พ.ศ. 2537 รับพระราชทานรางวัลจาก “สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี” โดยการคัดเลือกเชิดชูเกียรติจากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติให้เป็น “ผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม สาขาวรรณศิลป์” (แต่งกลอนลำ)
3.1.3 เมื่อปี พ.ศ. 2541 ได้รับพระราชทานรางวัลจาก “สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามบรมราชกุมาร” โดยการคัดเลือกและยกย่องเชิดชูเกียรติจาก สำนักงานคณะกรรมการเยาวชนแห่งชาติ ให้เป็น “ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อเยาวชน สาขาสื่อมวลชน”
3.1.4 เมื่อปี พ.ศ. 2548 รับพระราชทานปริญญาบัตรจาก สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามบรมราชกุมาร โดยการสำเร็จหลักสูตร “ศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาพัฒนาชุมชน” จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเลย
3.2 ประวัติรางวัลประกาศเกียรติคุณที่ได้รับยกย่องจากองค์กรต่าง ๆ (บางส่วน)
3.2.1 ประวัติรางวัลประกาศเกียรติคุณ
3.2.1.1 เมื่อปี พ.ศ. 2532 รับใบประกาศเกียรติคุณ จากกระทรวงสาธารณสุข โดยการโดยการได้รับแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมการ รนณรงค์อีสานไม่กินปลาดิบ
3.2.1.2 เมื่อปี พ.ศ. 2534 รับใบประกาศเกียรติคุณ จากศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดขอนแก่น โดยการคัดเลือกเชิดชูเกียรติให้เป็น “ผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม สาขาศิลปกรรมการแสดงพื้นบ้าน” (หมอลำ)
3.2.1.3 เมื่อปี พ.ศ. 2535 รับใบประกาศเกียรติคุณ จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒน์ จังหวัดมหาสารคาม โดยการคัดเลือกเชิดชูเกียรติให้เป็น ผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรมสาขาศิลปกรรมการแสดงพื้นบ้าน(หมอลำ)
3.2.1.4 เมื่อปี พ.ศ. 2543 รับใบประกาศเกียรติคุณ จากสำนักงานปราบปรามยาเสพติดจังหวัดขอนแก่น โดยการคัดเลือกแต่งตั้งให้เป็น “กรรมการปราบปรามยาเสพติด” ประจำจังหวัดขอนแก่น”
3.2.1.5 เมื่อปี พ.ศ. 2544 รับใบประกาศเกียรติคุณ จากสภาวัฒนธรรมจังหวัดขอนแก่น โดยการคัดเลือกแต่งตั้งให้เป็น “กรรมการสภาวัฒนธรรมประจำจังหวัดขอนแก่น”
3.2.1.6 เมื่อปี พ.ศ. 2542 รับเข็มเชิดชูเกียรติ จากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ โดยการคัดเลือกแต่งตั้งให้เป็น “ครูภูมิปัญญาไทย” (รุ่นที่ 1)
3.2.1.7 เมื่อปี พ.ศ. 2546 รับใบประกาศเกียรติคุณจากนายกเทศบาลนครขอนแก่น โดยการคัดเลือกแต่งตั้งจากเทศบาลนครขอนแก่นให้เป็น “ปราชญ์ชาวบ้าน” ประจำจังหวัดขอนแก่น
3.2.1.8 เมื่อปี พ.ศ. 2547 รับโล่รางวัลเชิดชูเกียรติจาก ฯพณฯ ท่านพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ โดยการคัดเลือกแต่งตั้งจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ในวาระครบรอบ 40 ปี มหาวิทยาลัยขอนแก่นให้เป็น “สุดยอดศิลปินอีสาน”
3.2.1.9 เมื่อปี พ.ศ. 2547 รับการคัดเลือกให้จัดตั้งเป็น “ศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย สาขาศิลปกรรมการแสดงพื้นบ้าน” (หมอลำ) ประจำจังหวัดขอนแก่น โดยการคัดเลือกจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ
3.2.1.10 เมื่อปี พ.ศ. 2549 รับใบประกาศเกียรติคุณ จากสำนักงานเลขานุการสภาผู้แทนราษฎร สำนักนายกฯโดยการพิจารณาคัดเลือกแต่งตั้งให้เป็น “สมาชิกสมัชชาแห่งชาติ”
3.2.1.11 เมื่อปี พ.ศ. 2550 รับใบประกาศเกียรติคุณจาก สภาร่างรัฐธรรมนูญ สำนักนายกฯ โดยการพิจารณาคัดเลือกแต่งตั้งให้เป็น “คณะกรรมาธิการวิสามัญรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญ” ประจำจังหวัดขอนแก่น
3.2.1.12 เมื่อปี พ.ศ. 2551 รับใบประกาศเกียรติคุณ จากคณะกรรมการมหาวิทยาลัยจังหวัดขอนแก่น โดยการคัดเลือกแต่งตั้งให้เป็น “กรรมการพัฒนามหาวิทยาลัยขอนแก่น ภาคประชาชน”
3.2.1.13 เมื่อปี พ.ศ. 2552 รับเข็มเชิดชูเกียรติจากนายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ) โดยการพิจารณาคัดเลือกจากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม ให้เป็น “ผู้ใช้ภาษาไทยถิ่นดีเด่น”
3.3 รางวัลจากการประกวดบทกลอนลำและการแสดงโดยตนเอง (บางส่วน)
3.3.1 รางวัลจากการประกวดบทกลอนลำและการแสดง
3.3.1.1 เมื่อปี พ.ศ.2513 รับถ้วยรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 จากนายกเทศบาลจังหวัดขอนแก่น โดยการประกวดการแสดงพื้นบ้านประเภทหมอลำกลอน เนื่องในงาน “ประจำปีเทียนพรรษา” ที่ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น
3.3.1.2 เมื่อปี พ.ศ.2529 รับโล่รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 จากอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ โดยการ ประกวดการแสดงพื้นบ้านประเภทหมอลำกลอน เนื่องในงาน “เทอดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช” ที่สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดมหาสารคาม
3.3.1.3 เมื่อปี พ.ศ.2529 รับโล่รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 จากผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม โดยการประกวดบทกลอนลำ ประเภทหมอลำกลอนเนื่องในงาน “โครงการสารคามพัฒนา” ที่สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดมหาสารคาม
3.3.1.4 เมื่อปี พ.ศ.2530 รับโล่รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 จากผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น โดยการประกวดบทกลอนลำประเภทลำกลอน เนื่องในงาน “ ในโครงการ กสช.” ที่สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยจังหวัดขอนแก่น
3.3.1.5 เมื่อปี พ.ศ.2532 รับโล่รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 จากรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงสาธารณสุข(นายชวน หลีกภัย) โดยการประกวดบทกลอนลำประเภทลำกลอน เนื่องในงาน “โครงการรณรงค์อีสานไม่กินปลาดิบ” ที่สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยจังหวัดขอนแก่น
3.3.1.6 เมื่อปี พ.ศ.2532 รับโล่รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 จากรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงสาธารณสุข(นายชวน หลีกภัย) โดยการประกวดการแสดงพื้นบ้านประเภทหมอลำกลอน เนื่องในงาน “โครงการรณรงค์อีสานไม่กินปลาดิบ” ที่สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยจังหวัดขอนแก่น
3.3.1.7 เมื่อปี พ.ศ.2532 รับโล่รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 จาก ฯพณฯ ท่านพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ โดยการประกวดบทกลอนลำ ประเภทลำกลอน เนื่องในงาน “โครงการอีสานเขียว” ที่สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยจังหวัดขอนแก่น
3.3.1.8 เมื่อปี พ.ศ.2532 รับโล่รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 จาก ฯพณฯ ท่านพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ โดยการประกวดการแสดงพื้นบ้าน ประเภทหมอลำกลอน เนื่องในงาน “โครงการอีสานเขียว” ที่สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยจังหวัดขอนแก่น
3.3.1.9 เมื่อปี พ.ศ.2533 รับโล่รางวัลชนะเลิศอันดับ1 จากรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยการ ประกวดบทกลอนลำ ประเภทลำกลอน เนื่องในงาน “อณุรักษ์-พิทักษ์รักษาสิ่งแวดล้อม” ที่สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยจังหวัดขอนแก่น
3.3.1.10 เมื่อปี พ.ศ.2533 รับโล่รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 จากรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยการประกวดการแสดงพื้นบ้าน ประเภทหมอลำกลอน เนื่องในงาน “อณุรักษ์-พิทักษ์รักษาสิ่งแวดล้อม” ที่สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยจังหวัดขอนแก่น
3.3.1.11 เมื่อปี พ.ศ.2533 รับโล่รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 จากผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น โดยการประกวดการแสดงพื้นบ้านประเภทหมอลำกลอน เนื่องในงาน “เทอดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช” ที่สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยจังหวัดขอนแก่น
3.3.1.12 เมื่อปี พ.ศ.2534 รับโล่รางวัลวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 จากผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น โดยการประกวดบทกลอนลำประเภทหมอลำกลอนใน “โครงการรณรงค์ต่อต้านมลพิษแม่น้ำพอง”
3.3.1.13 เมื่อปี พ.ศ.2536 รับโล่รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 จากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ร่วมกับมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒน์ จังหวัดมหาสารคาม โดยการ ประกวดการแสดงพื้นบ้านประเภทหมอลำกลอน และลำกลอนประยุกต์ เนื่องในงาน “อณุรักษ์และฟื้นฟูศิลปะ วัฒนธรรมอีสาน” ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒน์ จังหวัดมหาสารคาม
3.3.1.14 เมื่อปี พ.ศ.2546 รับโล่รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 จาก ททท.โดยการแต่งกลอนลำประเภทหมอลำกลอน และลำกลอนประยุกต์ ให้ลูกศิษย์ประกวด เนื่องในงาน “รณรงค์ท่องเที่ยวทั่วอีสาน”
3.4 ประวัติรางวัลผลงานด้านการแต่งกลอนลำให้ลูกศิษย์เข้าประกวดในโครงการต่างๆ (บางส่วน)
3.4.1 ประวัติรางวัลผลงานด้านการแต่งกลอนลำให้ลูกศิษย์เข้าประกวด
3.4.1.1 เมื่อปี พ.ศ.2529 กลอนเทอดพระเกียรติ ในหลวงองค์ปัจจุบัน รองชนะเลิศที่ 3 หมอลำนันทนา แก้วเสด็จ และรองชนะเลิศที่ 4 หมอลำพวงเพชร กาละพันธ์ ที่ ส.ว.ท. มหาสารคาม
3.4.1.2 เมื่อปี พ.ศ. 2530 กลอนลำอีสานเขียวส่งเข้าประกวด 9 คน ได้ชนะเลิศและรอง 1-5 รางวัล ชนะเลิศที่ 1 หมอลำเดชา ทรงศิลป์ ที่ 2 หมอลำนันทนา แก้วเสด็จ ที่ 3 หมอลำพวง-เพชร กาละพันธ์ ที่ 4 หมอลำภิรมย์ ฟ้าม้า ที่ ส.ท.ท. ช่อง 11 ขอนแแก่น
3.4.1.3 เมื่อปี พ.ศ. 2530 กลอนเทอดพระเกียรติ ในหลวงองค์ปัจจุบัน ส่งเข้าประกวด 3 รองชนะเลิศที่ 1 พวงเพชร กาละพันธ์ ที่ 2 นันทนา แก้วเสด็จ ที่ 3 นงเยาว์ เสียงใส ประกวดที่ ส.ท.ท. ช่อง 11 ขอนแก่น
3.4.1.4 เมื่อปี พ.ศ. 2532 กลอนรณรงค์อีสานไม่กินปลาดิบรวม 4 คน รองชนะเลิศที่ 2 หมอลำพวงเพชร กาละพันธ์ ที่ 3 หมอลำนงเยาว์ เสียงใส และรางวัลชมเชย ประกวดที่ ส.ท.ท. ช่อง 11 ขอนแก่น
3.4.1.5 เมื่อปี พ.ศ. 2532 กลอนดอกคูณเสียงแคนจังหวัดขอนแก่น 4 คณะ ชนะเลิศที่ 1 หมอลำเดชา ทรงศิลป์-พวงเพชร กาละพันธ์ และที่ 2 พัฒพงษ์ ฟ้าสะท้าน-ประเพียรทอง ชมภูทัศน์ ประกวดที่บึงแก่นนคร จ. ขอนแก่น
3.4.1.6 เมื่อปี พ.ศ. 2533 กลอนรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ ชนะเลิศที่ 1 พวงเพชร กาละพันธ์ ที่ 3 นงเยาว์ เสียงใส ที่ 4 เดชา ทรงศิลป์ ประกวดที่ ส.ท.ท. ช่อง 11 ขอนแก่น
3.4.1.7 เมื่อปี พ.ศ. 2533 กลอนลำเทอดพระเกียรติสมเด็จพ่อรามคำแหงมหาราช รวม 8 คน รองชนะที่ 1 บุญเหลือ ม้าห้อ ที่ 2 ชรินทร์ กาละพันธ์ ที่ 3 อุไรวรรณ ที่เหลือเป็นรางวัลชมเชย ที่พัทยา จังหวัดชลบุรี
3.4.1.8 เมื่อปี พ.ศ. 2536 กลอนอนุรักษ์วัฒนธรรม ส่งเข้าประกวด รวม 5 คู่ ชิงถ้วยผู้บัญชาการตำรวจสูงสุดที่ แก่น ชนะการประกวด รองชนะเลิศที่1 หมอลำเดชา ทรงศิลป์-พวงเพชรกาละพันธ์ ที่ 2 วีรยุทธ และนงเยาว์ เสียงใส ที่ 3 พัฒพงษ์ ฟ้าสะท้าน – ประเพียรทอง ชมภูเพชร จัดประกวดที่อนุสาวรีตำรวจ จังหวัดขอนแก่น
3.4.1.9 เมื่อปี พ.ศ. 2536 กลอนงานอนุรักษ์วัฒนะธรรม ส่งเข้าประกวด7 คณะ รองชนะเลิศที่ 1หมอลำพัฒพงษ์ ฟ้าสะท้าน- ประเพียรทอง ชมภูทัศน์ ที่ 2 สุวรรณ เสียงใส-นงเยาว์ เสียงใส ที่เหลือเป็นรางวัลชมเชย จัดประกวดที่งานเต่าตะนุ อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด
3.4.1.10 เมื่อปี พ.ศ. 2536 กลอนเชิญชมเมืองขอนแก่น และกลอนฮีต 12 ครอง 14 ส่งเข้าประกวด 5 คณะ ชนะเลิศที่ 1 หมอลำวีรยุทธ และนงเยาว์ เสียงใส ที่ 2 สุวรรณ เสียง- บานเย็น ที่ 3 สุนทร รถด่วน-ประเพียรทอง ชมภูทัศน์ จัดประกวดที่งานไหม จ. ขอนแก่น
3.4.1.11 เมื่อปี พ.ศ.2538 กลอนงานบุญผะเหวด จังหวัดร้อยเอ็ดรวม 4 คณะ ชนะที่ 2-4
3.4.1.12 เมื่อปี พ.ศ. 2538 กลอนลำงาน “รณรงค์คุณภาพชีวิต” รวม 15 คนชนะการประกวดที่ 1-5ที่ ส.ท.ท. ช่อง 11 จังหวัดขอนแก่น
3.4.1.13 เมื่อ ปี พ.ศ. 2538 กลอนประกันสังคม 12 คนชนะเลิศที่ 1-6 ที่ ส.ท.ท.ช่อง 11 จังหวัดขอนแก่น
3.4.1.14 เมื่อปี พ.ศ. 2539 กลอนประกวดหมอลำชิงแชมป์แห่งประเทศไทยที่ จังหวัด ขอนแก่นและ ส.ว. ช. ทั้งประเภทธรรมดาและลำซิ่งรวม 22 คน ชนะเลิศประเภทธรรมดาที่ 1 คน และชนะเลิศและรองชนะเลิศประเภทลำซิ่งที่ 1 ชาย - หญิง และที่ 3-5
3.4.1.15 เมื่อปี พ.ศ. 2541 แต่งกลอนใหัลูกศิษย์ประกวดงานนเรศวรมหาราชฯ ที่ จังหวัด หนองบัวลำภู ได้ชนะเลิศ
3.4.1.16 เมื่อปี พ.ศ. 2541 แต่งกลอนลำให้ลูกศิษย์เข้าประกวดชิงแชมป์แห่งประเทศไทยงานเทอดพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ ที่จังหวัดชัยภูมิ รวม 7 คณะ ชนะการประกวด
ที่ 2-3
3.4.1.17 เมื่อปี พ.ศ. 2542 แต่งกลอนลำให้ลูกศิษย์เข้าประกวดงานรณรงค์ต่อต้านเอดส์ ที่ ส.ท.ท. ช่อง 11 ขอนแก่น รวม 5 คณะ ได้ชนะเลิศที่ 1-5
3.4.1.18 เมื่อปี พ.ศ.2542แต่งกลอนลำชิงแชมป์แห่งประเทศไทยงานเทอดพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ รอบที่ 1 ที่วิทยาลัยครู จังหวัด นครราชสีมาและรอบที่ ที่ จ . ขอนแก่น รวม 8 คณะ ชนะที่ 1-4
3.4.1.19 เมื่อ ปี พ.ศ. 2543 แต่งกลอนเกี่ยวกับกลอนการเกษตรและรณรงค์ด้านต่าง ๆ ให้ลูกศิษย์ประกวดงานวันเกษตรแห่งชาติ ที่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น รวม 4 คณะ ชนะการประกวดที่ 1 และ ที่ 3-5
3.4.1.20 เมื่อปี พ.ศ. 2544 แต่งกลอนลำให้ลูกศิษย์ประกวดงานไหม จังหวัด ขอนแก่น รวม 2 คณะ ชนะที่ 1-2
3.4.1.21 เมื่อปี พ.ศ. 2545 แต่งกลอนลำเกี่ยวกับเชิญเที่ยวทั่วไทยและรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด และฮีต 12 ครอง 14 และงานรณรงค์ต้านโรคต่าง ๆ ให้ลูกศิษย์ประกวดงานบุญประจำปี ที่ จังหวัดหนองบัวลำภู รวม 1 คณะ ได้รับรางวัลชนะเลิศ
3.4.1.22 เมื่อปี พ.ศ 2546 รับโล่รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 จาก ททท.โดยการแต่งกลอนลำประเภทหมอลำกลอน และลำกลอนประยุกต์ ให้ลูกศิษย์ประกวด เนื่องในงาน “รณรงค์ท่องเที่ยวทั่วอีสาน” (รวมรางวัลเชิดชูเกียรติและใบประกาศเกียรติคุณอื่น ๆ ที่ได้รับ ประมาณ 500 รางวัล)
4. ผลงานด้านประวัติการอุทิศตน บริการชุมชน สังคม และประเทศชาติ
4.1 ประวัติด้านการแต่งกลอนลำให้ตนเองและลูกศิษย์นำไปแสดงเผยแพร่ในงานต่าง ๆ (บางส่วน)
4.1.1 เมื่อปีพ.ศ. 2534 แสดงในงานรณรงค์ทันตสาธารณสุข ให้กับนักเรียน ที่โรงเรียนเชียงยืนพิทยาคม อำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม ในกลอน “ฟันดีมีสุขและกลอนรณรงค์ให้คนรู้หนังสือ”
4.1.2 เมื่อปีพ.ศ. 2537 เป็นวิทยากรบรรยายและสาธิตการแสดงหมอลำให้กับนักเรียนและคณะครูอาจารย์ ณ ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ ลำในกลอน “รณรงค์ให้รู้หนังสือ,มีปัญญาดีกว่าทรัพย์” และมอบหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน จังหวัดกาฬสินธุ์ ไว้ 1 ชุด
4.1.3 เมื่อปีพ.ศ. 2537 แสดงในงานส่องโลกกว้างทางชีวิต ณ สำนักงานประถมศึกษาจังหวัดขอนแก่น ในกลอน รณรงค์วัฒนธรรมไทยประวัติและความหมายของวัฒนธรรม และมอบหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับผู้อำนวยการสำนักงานประถมศึกษาจังหวัดขอนแก่นไว้ 1 ชุด
4.1.4 เมื่อปีพ.ศ. 2537 เป็นวิทยากรบรรยายและสาธิตการแสดงหมอลำในงานวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ ณ โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย จังหวัดขอนแก่น ในกลอน รณรงค์ต่อต้านพยาธิใบไม้ในตับ,อุบัติเหตุจราจร และโรคจากการขาดสารไอโอดีน และมอบหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับผู้อำนวยการโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัยไว้ 1 ชุด
4.1.5 เมื่อปีพ.ศ. 2538 แสดงในงาน “ประกวดหมอลำเยาวชนนักเรียน” ณ ที่เวทีอาคารโครงการหลวงตลาดบางลำภู จังหวัดขอนแก่น รวมผู้เข้าประกวดในเขตพื้นที่ 5 จังหวัด ประกอบด้วย ขอนก่น กาฬสินธุ์ อุดรธานี มหาสารคาม และร้อยเอ็ด และได้มอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนที่เข้าประกวดรวมเงินรางวัล 15,000บาท พร้อมกับมอบคู่มือหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้คนละ 1 ชุด และสาธิตการแสดงหมอลำในกลอน “รณรงค์ให้คนรู้หนังสือ-มีปัญญาดีกว่าทรัพย์”
4.1.6 เมื่อปีพ.ศ. 2538 เป็นวิทยากรบรรยายสาธิตการแสดงหมอลำในงานจัดทำชุดวิชาการแสดงศิลปะพื้นบ้านอีสาน ณ ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนภาคตะวันออกเฉียงเหนือจังหวัดอุบลราชธานี และเขียนหลักสูตรชุดวิชาการแสดงพื้นบ้านหมอลำและสาธิตการแสดงหมอลำในกลอน“รณรงค์ให้คนรู้หนังสือ-มีปัญญาดีกว่าทรัพย์”พร้อมกับมอบคู่มือหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับศูนย์การศึกษาฯไว้ 1 ชุด
4.1.7 เมื่อปีพ.ศ. 2538 เป็นวิทยากรบรรยายสาธิตการแสดงหมอลำในงานการแสดงพื้นบ้านอีสานเพื่อการศึกษาให้กับคณะครูอาจารย์นักเรียน ณ 4 จังหวัดนำร่อง ประกอบด้วย สถาบันราชภัฏราชบุรี โรงเรียนหลังสวน จังหวัดชุมพร สถาบันราชภัฏนครศรีธรรมราช และสถาบันราชภัฏสงขลา ในกลอน “ณรงค์ให้รู้หนังสือ,มีปัญญาดีกว่าทรัพย์,อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย,ฮีต 12 คอง 14 ,แนะนำให้คนทำความดีและกลอนเทิดพระเกียรติพระเจ้าอยู่หัว” และมอบหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับสถาบันแห่งละ1 ชุด
4.1.8 เมื่อปีพ.ศ. 2538 เป็นวิทยากรพิเศษบรรยายและสาธิตการแสดงหมอลำ และถ่ายทอดศิลปะการแสดงพื้นบ้านให้กับเยาวชนและประชาชนทั่วไป ณ ศูนย์วัฒนธรรมโรงเรียนกัลยาวัตร จังหวัดขอนแก่น (โครงการของ สวช.) ในกลอน “รณรงค์ให้รู้หนังสือ,มีปัญญาดีกว่าทรัพย์,อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย,ฮีต 12 คอง 14 ,แนะนำให้คนทำความดีและกลอนเทิดพระเกียรติพระเจ้าอยู่หัว” และมอบหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับผู้เข้าเรียนคนละ 1ชุด
4.1.9 เมื่อปีพ.ศ. 2538 แสดงในงานวันเด็กแห่งชาติ ณ ที่อาคารโครงการหลวงตลาดบางลำภู จังหวัดขอนแก่นในกลอน รณรงค์ให้คนรู้หนังสือ-มีปัญญาดีกว่าทรัพย์” และมอบหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับนักเรียนที่เข้าร่วมงานคนละ 1 ชุด
4.1.10 เมื่อปีพ.ศ. 2539 แสดงลำกลอนและลำกลอนประยุกต์เพื่อปลอบขวัญนักโทษในฑันณสถานเรือนจำ จังหวัดขอนแก่น ศึกษา ณ ฑันณสถานเรือนจำ จังหวัดขอนแก่น( ปีพ.ศ.2538 และปีพ.ศ. 2540 ปีละหนึ่งครั้ง)ในกลอน “เตือนให้คนทำความดี,ฮีต 12 คอง 14 และกลอนพรหมวิหารสี่” พร้อมกับมอบคู่มือหลักสูตการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับเจ้าหน้าที่ฑันณสถานไว้ 1 ชุด เพื่อให้นักโทษได้ศึกษาวิชาชีพ
4.1.11 เมื่อปี พ.ศ. 2540 แสดงลำกลอนและลำกลอนประยุกต์เพื่อปลอบขวัญเยาวชนนักเรียนที่อยู่ในศูนย์พินิจเด็ก จังหวัดขอนแก่น ณ ศูนย์พินิจเด็ก จังหวัดขอนแก่น ในกลอน “เตือนให้คนทำความดี รณรงค์ให้คนรู้หนังสือ,มีปัญญาดีกว่าทรัพย์และกลอนพรหมวิหารสี่”พร้อมกับมอบคู่มือหลักสูตการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับเจ้าหน้าที่ศูนย์พินิจเด็กไว้ 1 ชุด เพื่อให้นักโทษได้ศึกษาวิชาชีพ
4.1.12 เมื่อปีพ.ศ. 2541 เป็นวิทยากรบรรยายและสาธิตการแสดงลำพื้น,ลำกลอน,ลำหมู่,ลำประยุกต์ให้กับนิสิตนักศึกษาและคณะครูอาจารย์เอกดุริยางค์ศิลป์คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ณ ภาควิชาดุริยางค์ศิลป์ ในกลอน “พุทธทำนาย,ฮีต 12 คอง 14,รณรงค์ให้รู้หนังสือ,มีวิชาดีกว่าทรัพย์และปฏิรูปการศึกษา” และได้มอบหนังสือหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับหัวหน้าภาควิชาดุริยางคศิลป์ไว้ 1 ชุด
4.1.13 เมื่อปีพ.ศ. 2542 เป็นวิทยากรบรรยายสาธิตการแสดงศิลปินพื้นบ้านกับงานประชาสัมพันธ์ให้กับนิสิตคณะนิเทศศาสตร์มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ ณ ศูนย์ประชาสัมพันธ์ เขต1 จังหวัดขอนแก่น ในกลอน “รณรงค์ให้รู้หนังสือ,มีวิชาดีกว่าทรัพย์และปฏิรูปการศึกษา” และได้มอบหนังสือคู่มือหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับหัวหน้าคณะผู้มาเยี่ยมชมการแสดงไว้ 1 ชุด
4.1.14 เมื่อปีพ.ศ. 2542 เป็นวิทยากรบรรยายเสวนาวิวัฒนาการ และสาธิตการแสดงสื่อพื้นบ้านหมอลำ ณ สถาบันราชภัฏสกลนคร ในกลอน “รณรงค์ให้รู้หนังสือ,มีวิชาดีกว่าทรัพย์,ปฏิรูปการศึกษาและประวัติความเป็นมาของหมอลำ” และได้มอบหนังสือหลักสูตรคู่มือการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับทางสถาบันฯไว้ 1 ชุด
4.1.15 เมื่อปีพ.ศ. 2543 เป็นวิทยากรบรรยายสาธิตการแสดงลำพื้น,ลำกลอน,ลำกลอนประยุกต์ให้กับคณะครูอาจารย์และนิสิตคณะศิลปกรรมศาสตร์ ในงานสัมมนาหัวข้อ “อนาคตศิลปิน” ที่คณะศิลปกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ในกลอน “พุทธทำนาย,ฮีต 12 คอง 14,รณรงค์ให้รู้หนังสือ,มีวิชาดีกว่าทรัพย์,ปฏิรูปการศึกษาและกลอนลำยาวล่องโขง” และได้มอบหนังสือหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับทางสถาบันฯไว้ 1 ชุด
4.1.16 เมื่อปีพ.ศ. 2544 เป็นวิทยากรบรรยายสาธิตการแสดงลำพื้น,ลำกลอน,ลำกลอนประยุกต์ให้กับคณะครูอาจารย์และนิสิตคณะศิลปกรรมศาสตร์ในงานสัมมนาหัวข้อ “ทำอย่างไรหมอลำซิ่งจะเป็นที่ยอมรับของสาธารณชน” ที่คณะศิลปกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ในกลอน “พุทธทำนาย,ประวัติหมอลำซิ่ง,รณรงค์ให้รู้หนังสือ,มีวิชาดีกว่าทรัพย์,ปฏิรูปการศึกษาและกลอนลำยาวล่องโขง” และได้มอบหนังสือหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับทางสถาบันฯไว้ 1 ชุด
4.1.17 เมื่อปีพ.ศ. 2544 เป็นวิทยากรบรรยายสาธิตการแสดงลำพื้น,ลำกลอน,ลำกลอนประยุกต์ให้กับคณะครูอาจารย์และนิสิตคณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ ในงานสัมมนาหัวข้อ “อนาคตหมอลำจะหายไปจริงหรือ” ที่คณะคณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในกลอนพุทธทำนาย,ฮีต 12 คอง 14,ประวัติหมอลำซิ่ง,รณรงค์ให้รู้หนังสือ,มีวิชาดีกว่าทรัพย์,ปฏิรูปการศึกษาและกลอนลำยาวล่องโขง” และได้มอบหนังสือหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับทางสถาบันฯไว้ 1 ชุด
4.1.18 เมื่อปีพ.ศ. 2544 เป็นวิทยากรบรรยายสาธิตการแสดง ลำกลอน,ลำกลอนประยุกต์ให้กับคณะครูอาจารย์และนิสิตนักศึกษา เอกสาขาดุริยางคศิลป์ ณ ที่ภาคดุริยางคศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ในงานสัมมนาหัวข้อ “ศิลปินหมอลำกับธุรกิจ” ในกลอน “ประวัติและความเป็นมาของหมอลำ,และกลอนลำยาวล่องโขง และได้มอบหนังสือหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับทางสถาบันฯไว้ 1 ชุด
4.1.19 เมื่อปีพ.ศ. 2545 เป็นวิทยากรบรรยายสาธิตการแสดงลำพื้น,ลำกลอน,ลำกลอนประยุกต์ให้กับคณะครูอาจารย์และนิสิตเอกวิทยาศาสตร์และนิเทศศาสตร์ ในงานสัมมนาหัวข้อเรื่อง “ศิลปินพื้นบ้านกับการธุรกิจ” ณ มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในกลอน “พุทธทำนาย,ประวัติหมอลำซิ่ง,รณรงค์ให้รู้หนังสือ,ปฏิรูปการศึกษาและกลอนลำยาวล่องโขง และได้มอบหนังสือหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับทางสถาบันฯไว้ 1 ชุด
4.1.20 เมื่อปีพ.ศ. 2545 เป็นวิทยากรบรรยายสาธิตการแสดง ลำกลอน,ลำกลอนประยุกต์ให้กับผู้เข้าสัมมนาในงานสัมมนาหัวข้อ “การเสริมสร้างศักยภาพของหมอลำเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น (จัดโดยคณะครูอาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏเลยร่วมกับ สกว.) ณ โรงแรมแก่นอินทร์ จังหวัดขอนแก่น ในกลอน “ ประวัติหมอลำ,รณรงค์ให้รู้หนังสือ และกลอนด้วยรักจากใจครู” และได้มอบหนังสือหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับเจ้าของโครงการจัดสัมมนาไว้ 1ชุด
4.1.21 เมื่อปีพ.ศ. 2545 เป็นวิทยากรบรรยายสาธิตการแสดงลำพื้น,ลำกลอน,ลำกลอนประยุกต์และลำเพลินให้กับนิสิตนักศึกษาในงานสัมมนาหัวข้อเรื่อง “เปิดผ้าม่านกั้ง” ณ เดิ่นบ้านลานศิลปวัฒนธรรมมหาวิทยาลัย จังหวัดขอนแก่น ในกลอน “พุทธทำนาย,เรื่องแก้วหน้าม้า,ปฏิรูปการศึกษาและกลอนด้วยรักจากใจครู และได้มอบหนังสือหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับเจ้าของโครงการจัดสัมมนาไว้ 1ชุด
4.1.22 เมื่อปีพ.ศ. 2545 แสดงในงานวันเด็กแห่งชาติ ณ เวทีกลางแจ้งริมบึงแก่นนคร จังหวัดขอนแก่น ในกลอนรณรงค์ให้รู้หนังสือ,มีวิชาดีกว่าทรัพย์ และกลอนด้วยรักจากใจครู ได้มอบหนังสือหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับเด็กที่ขึ้นมาร่วมกิจกรรมบนเวทีคนละ 1 ชุด
4.1.23 เมื่อปีพ.ศ. 2548-2549 เป็นวิทยากรบรรยายและสาธิตการแสดงลำกลอน,ลำกลอนประยุกต์เพื่อถ่ายทอดให้กับนักเรียนระดับชั้นประถม (โครงการถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นปีการศึกษา 2548-2549) ณ โรงเรียนเทศบาลหนองแวงและโรงเรียนสนามบิน จังหวัดขอนแก่น ในกลอน “ไหว้ครู,รณรงค์ให้รู้หนังสือ,มีวิชาดีกว่าทรัพย์,กลอนหัวอกแม่,รณรงค์ต่อต้านยาเสพติดและกลอนเทิดไท้ในหลวง และได้มอบหนังสือหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับทางโรงเรียนไว้ 1 ชุด
4.1.24 เมื่อปีพ.ศ. 2549 เป็นวิทยากรบรรยายและสาธิตงานแสดลำกลอน,ลำกลอนประยุกต์เพื่อถ่ายทอดให้กับนักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์และคณะครูอาจารย์ในงานสัมมนาหัวข้อ “ศิลปินพื้นบ้านกับการพัฒนามนุษย์” ณ ห้องประชุมคณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในกลอน “พัฒนาคุณภาพชีวิต,รณรงค์ให้รู้หนังสือ,มีวิชาดีกว่าทรัพย์,พรหมวิหารสี่,กลอนด้วยรักจากใจครู,กลอนหัวอกแม่,คนไทยใฝ่สามัคคีและกลอนเทิดไท้ในหลวง” และได้มอบหนังสือหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับทางสถาบันไว้ 1 ชุด
4.1.25 เมื่อปีพ.ศ. 2550 เป็นวิทยากรบรรยายและสาธิตการแสดงลำกลอน,ลำกลอนประยุกต์เพื่อถ่ายทอดให้กับนักเรียนระดับชั้นประถม ณ โรงเรียนเทศบาลบ้านหนองคู จังหวัดขอนแก่น (โครงการถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นปีการศึกษา 2550) ในกลอน “ขวานทองของไทยและคนไทยใฝ่สามัคคี” และได้มอบหนังสือหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับทางโรงเรียนไว้ 1ชุด
4.1.26 เมื่อปีพ.ศ. 2550 เป็นวิทยากรบรรยายและสาธิตการแสดงลำกลอน,ลำกลอนประยุกต์ในงานสัมมนาหัวข้อเรื่องเลิกเหล้าเข้าพรรษาปีมหามงคลในกลอนเลิกเหล้าเป้าหมายของชีวิตและกลอนเลิกเหล้าเข้าพรรษาเพื่อบูชาเทิดไท้ในหลวง ณ วิทยาลัยสาธารณสุขศิรินธร จังหวัดขอนแก่นและได้มอบหนังสือหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์และกลอนลำที่สาธิตและกลอนชุดปลุกจิตสำนึกให้คนไทยรักชาติ(ดูจากหนังสือกลอนลำเล่มที่ 14)ให้กับ ดร.ประชาสรรค์ แสนภักดี เจ้าของโครงการ 1 ชุด (โครงการเลิกเหล้าเลิกจน)
4.1.27 เมื่อปีพ.ศ. 2550 แสดงลำกลอน-ลำกลอนประยุกต์ในวันเข้าพรรษางานเลิกเหล้าเข้าพรรษาปีมหามงคลในกลอนเลิกเหล้าเป้าหมายของชีวิต,กลอนเลิกเหล้าเข้าพรรษาเพื่อบูชาเทิดไท้ในหลวงและกลอนเสาเข็มชีวิตแปดต้น ณ วัดป่าแสงอรุณจังหวัดขอนแก่นและได้มอบกลอนลำที่แสดงและกลอนชุดปลุกจิตสำนึกให้คนไทยรักชาติ(ดูจากหนังสือกลอนลำเล่มที่ 14) ให้กับหลวงพ่อสุเมโธ ภิกขุ เจ้าคณะภาค 9 และรองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น (โครงการเลิกเหล้าเลิกจน)
4.1.28 เมื่อปีพ.ศ. 2550 เป็นวิทยากรแสดงสาธิตลำพื้น,ลำกลอน,ลำศิลป์ชัยและลำประยุกต์ในงาน “เสวนาภาษาถิ่นก็ภาษาไทย” ณ ห้องประชุมสองคณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (โครงการของกระทรวงวัฒนธรรมและสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดขอนแก่น) ในกลอนลำล่องโขง,ลำเต้ยเกี้ยวผู้บ่าว,ลำพื้นพุทธทำนาย,ลำศิลป์ชัยเรื่องสังข์ศิลป์ชัยและประวัติลำกลอนซิ่ง และได้มอบหนังสือกลอนลำ,ซีดีและวีซีดีในกลอนชุดภาษาถิ่นก็ภาษาไทย ,ชุดร่างรัฐธรรมนูญ,ร่วมลงประชามติรัฐธรรมนูญ และชุดปลุกจิตสำนึกให้คนไทยรักชาติ ให้กับปลัดกระทรวงวัฒนธรรมและผู้อำนวยการสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดขอนแก่นคนละ 1 ชุด
4.1.29 เมื่อปีพ.ศ. 2550 สาธิตการแสดงลำกลอนในงานประชุมสัมมนา ในกลอนชุดปลุกจิตสำนึกให้คนไทยรักชาติ ณ ห้องประชุม 1 อาคาร H S.05 คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ และได้มอบหนังสือกลอนลำ,ซีดี,วีซีดี,ชุดปลุกจิตสำนึกให้คนไทยรักชาติ,เสาเข็มชีวิต 8 ต้น และชุดท่องเที่ยวทั่วอีสานให้กับเจ้าของโครงการจัดสัมมนาอย่างละ 1 ชุด
4.2 ประวัติด้านการแต่งกลอนลำนำไปเผยแพร่ในงานทางด้านถ่ายทอด ตามสถาบันการศึกษาต่าง ๆ (บางส่วน)
4.2.1 เมื่อปีพ.ศ.2534 แสดงในงานรณรงค์ทันตสาธารณสุขในกลอนฟันดีมีสุขและกลอนรณรงค์ให้คนรู้หนังสือ ณ โรงเรียนเชียงยืนพิทยาคม อำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม
4.2.2 เมื่อปีพ.ศ. 2537 เป็นวิทยากรบรรยายและสาธิตการแสดงให้กับนักเรียนและคณะครูอาจารย์ในกลอนรณรงค์ให้รู้หนังสือ,มีปัญญาดีกว่าทรัพย์ ณ ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ และมอบหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน จังหวัดกาฬสินธุ์ ไว้ 1 ชุด
4.2.2.1 แสดงในงานส่องโลกกว้างทางชีวิต ในกลอนรณรงค์วัฒนธรรมไทยประวัติและความหมายของวัฒนธรรม ณ สำนักงานประถมศึกษาจังหวัดขอนแก่นและมอบหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับผู้อำนวยการสำนักงานประถมศึกษาจังหวัดขอนแก่นไว้ 1 ชุด
4.2.2.2 เป็นวิทยากรบรรยายและสาธิตในงานวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติในกลอนรณรงค์ต่อต้านพยาธิใบไม้ในตับ,อุบัติเหตุจราจรและการขาดสารไอโอดีน ณ โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย จังหวัดขอนแก่นและมอบหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับผู้อำนวยการโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัยไว้ 1 ชุด
4.2.3 เมื่อปีพ.ศ. 2538 แสดงในงานประกวดหมอลำเยาวชนนักเรียนและมอบทุนการศึกษาให้นักเรียน 5 จังหวัดที่เข้าประกวดรวมเงินรางวัล 35,๐๐๐ บาทประกอบด้วย ขอนก่น กาฬสินธุ์ อุดรธานี มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ในกลอนรณรงค์ให้รู้หนังสือ,มีปัญญาดีกว่าทรัพย์ ณ ที่เวทีตึกโครงการหลวงตลาดบางลำภู จังหวัดขอนแก่นและมอบหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้คนละ 1 ชุด ประกอบด้วยกลอน - เป็นวิทยากรบรรยายสาธิตในงานจัดทำชุดวิชาการแสดงศิลปะพื้นบ้านอีสานในกลอนรณรงค์ให้รู้หนังสือ,มีปัญญาดีกว่าทรัพย์ ณ ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนภาคตะวันออกเฉียงเหนือจังหวัดอุบลราชธานีและเขียนหลักสูตรชุดวิชาการแสดงพื้นบ้านอีสานพร้อมกับมอบหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนภาคตะวันออกเฉียงเหนือจังหวัดอุบลราชธานี - เป็นวิทยากรบรรยายสาธิตในงานการแสดงพื้นบ้านอีสานเพื่อการศึกษาให้กับคณะครูอาจารย์นักเรียนในกลอนรณรงค์ให้รู้หนังสือ,มีปัญญาดีกว่าทรัพย์,อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย,ฮีต12 คอง14 ,แนะนำให้คนทำความดีและกลอนเทิดพระเกียรติพระเจ้าอยู่หัวและมอบหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับสถาบันแห่งละ 1 ชุด ณ 4 โรงเรียนนำร่อง สถาบันราชภัฏราชบุรี โรงเรียนหลังสวน จังหวัดชุมพรสถาบันราชภัฏนครศรีธรรมราช และสถาบันราชภัฏสงขลา
4.2.3.1 เป็นวิทยากรพิเศษบรรยายสาธิตและถ่ายทอดศิลปะการแสดงพื้นบ้านให้กับเยาวชนและประชาชนทั่วไปในกลอนรณรงค์ให้รู้หนังสือ,มีปัญญาดีกว่าทรัพย์,อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย,ฮีต12 คอง14 ,แนะนำให้คนทำความดีและกลอนเทิดพระเกียรติพระเจ้าอยู่หัวและมอบหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับผู้เข้าเรียนคนละ 1 ชุด ณ ศูนย์วัฒนธรรมโรงเรียนกัลยาวัตร จังหวัดขอนแก่น (โครงการศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย)
4.2.3.2 แสดงในงานวันเด็กแห่งชาติในกลอนรณรงค์ให้รู้หนังสือ,มีปัญญาดีกว่าทรัพย์และมอบหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับนักเรียนที่เข้าร่วมงานคนละ1 ชุด ณ เวทีตึกโครงการหลวงตลาดบางลำภู จังหวัดขอนแก่น
4.2.3.3 แสดงลำกลอนและลำกลอนประยุกต์เพื่อปลอบขวัญนักโทษในฑันณสถานเรือนจำ จังหวัดขอนแก่นในกลอนเตือนให้คนทำความดี,ฮีต 12 คอง 14 และกลอนพรหมวิหาร 4 พร้อมกับมอบหลักสูตการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์เพื่อให้กับเจ้าหน้าที่ฑันณสถานไว้ 1 ชุดเพื่อให้นักโทษได้ศึกษา ณ ฑันณสถานเรือนจำ จังหวัดขอนแก่น(แสดง 2 ปีซ้อน พ.ศ. 2538 และปีพ.ศ.2540)
4.2.4 เมื่อปีปีพ.ศ. 2540 แสดงลำกลอนและลำกลอนประยุกต์เพื่อปลอบขวัญเยาวชนนักเรียนที่อยู่ในศูนย์พินิจเด็ก จังหวัดขอนแก่นในกลอนเตือนให้คนทำความดี,ฮีต 12 คอง14 และกลอนพรหมวิหาร 4 พร้อมกับมอบหลักสูตการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์เพื่อให้กับเจ้าหน้าที่ศูนย์พินิจเด็กไว้ 1 ชุดเพื่อให้นักโทษได้ศึกษา ณ ศูนย์พินิจเด็ก จังหวัดขอนแก่น
4.2.5 เมื่อปีปีพ.ศ. 2541 เป็นวิทยากรบรรยายและสาธิตการแสดงลำพื้น,ลำกลอน,ลำหมู่,ลำประยุกต์ให้กับนิสิตนักศึกษาและคณะครูอาจารย์เอกดุริยางคศิลป์คณะศิลปกรรมศาสตร์ ในกลอนพุทธทำนาย,ฮีต 12 คอง 14,รณรงค์ให้รู้หนังสือ,มีวิชาดีกว่าทรัพย์และปฏิรูปการศึกษา ณ ภาควิชาดุริยางคศิลป์และได้มอบหนังสือหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับหัวหน้าภาควิชาดุริยางคศิลป์ไว้ 1 ชุด
4.2.6 เมื่อปีปีพ.ศ. 2542 เป็นวิทยากรบรรยายสาธิตการแสดงศิลปินพื้นบ้านกับงานประชาสัมพันธ์ให้กับนิสิตคณะนิเทศศาสตร์มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ ในกลอนรณรงค์ให้รู้หนังสือ,มีวิชาดีกว่าทรัพย์และปฏิรูปการศึกษา ณ ศูนย์ประชาสัมพันธ์ เขต 1 จังหวัดขอนแก่น และได้มอบหนังสือหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับหัวหน้าผู้มาเยี่ยมชมการแสดงไว้ 1 ชุด
4.2.7 เมื่อปีพ.ศ.2543 เป็นวิทยากรบรรยายสาธิตการแสดงสื่อพื้นบ้านเสวนาวิวัฒนาการในกลอนรณรงค์ให้รู้หนังสือ,มีวิชาดีกว่าทรัพย์,ปฏิรูปการศึกษาและประวัติความเป็นมาของหมอลำ ณ สถาบันราชภัฏสกลนครและได้มอบหนังสือหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับทางสถาบันฯไว้ 1 ชุด
4.2.8 เมื่อปีพ.ศ. 2543 เป็นวิทยากรบรรยายสาธิตการแสดงลำพื้น,ลำกลอน,ลำกลอนประยุกต์ให้กับคณะครูอาจารย์และนิสิตคณะศิลปกรรมศาสตร์ในงานสัมมนาหัวข้ออนาคตศิลปินในกลอนพุทธทำนาย,ฮีต 12 คอง 14,รณรงค์ให้รู้หนังสือ,มีวิชาดีกว่าทรัพย์,ปฏิรูปการศึกษาและกลอนลำยาวล่องโขง ณ คณะศิลปกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยมหาสารคามและได้มอบหนังสือหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับทางสถาบันฯไว้ 1 ชุด
4.2.9 เมื่อปีพ.ศ.2544 เป็นวิทยากรบรรยายสาธิตการแสดงลำพื้น,ลำกลอน,ลำกลอนประยุกต์ให้กับคณะครูอาจารย์และนิสิตคณะศิลปกรรมศาสตร์ในงานสัมมนาหัวข้อทำอย่างไรหมอลำซิ่งจะเป็นที่ยอมรับของสาธารณชนในกลอนพุทธทำนาย,ฮีต 12 คอง 14,ประวัติหมอลำซิ่ง,รณรงค์ให้รู้หนังสือ,มีวิชาดีกว่าทรัพย์,ปฏิรูปการศึกษาและกลอนลำยาวล่องโขง ณ คณะศิลปกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยมหาสารคามและได้มอบหนังสือหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับทางสถาบันฯไว้ 1 ชุด
4.2.9.1 เป็นวิทยากรบรรยายสาธิตการแสดงลำพื้น,ลำกลอน,ลำกลอนประยุกต์ให้กับคณะครูอาจารย์และนิสิตคณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ในงานสัมมนาหัวข้ออนาคตหมอลำจะหายไปจริงหรือในกลอนพุทธทำนาย,ฮีต 12 คอง 14,ประวัติหมอลำซิ่ง,รณรงค์ให้รู้หนังสือ,มีวิชาดีกว่าทรัพย์,ปฏิรูปการศึกษาและกลอนลำยาวล่องโขง ณ คณะคณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นและได้มอบหนังสือหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับทางสถาบันฯไว้ 1 ชุด
4.2.10 เมื่อปีพ.ศ. 2544 เป็นวิทยากรบรรยายสาธิตการแสดงลำพื้น,ลำกลอน,ลำกลอนประยุกต์ให้กับคณะครูอาจารย์และนิสิตเอกดุริยางคศิลป์คณะศิลปกรรมศาสตร์ในงานสัมมนาหัวข้อศิลปินหมอลำกับธุรกิจในกลอนพุทธทำนาย,ฮีต 12 คอง 14,ประวัติหมอลำซิ่ง,รณรงค์ให้รู้หนังสือ,มีวิชาดีกว่าทรัพย์,ปฏิรูปการศึกษาและกลอนลำยาวล่องโขง ณ ภาคดุริยางคศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยมหาสารคามและได้มอบหนังสือหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับทางสถาบันฯไว้ 1 ชุด
4.2.11 เมื่อปีพ.ศ. 2545 เป็นวิทยากรบรรยายสาธิตการแสดงลำพื้น,ลำกลอน,ลำกลอนประยุกต์ให้กับคณะครูอาจารย์และนิสิตเอกวิทยาศาสตร์และนิเทศศาสตร์ในงานสัมมนาหัวข้อศิลปินพื้นบ้านกับการธุรกิจในกลอนพุทธทำนาย,ฮีต 12 คอง 14,ประวัติหมอลำซิ่ง,รณรงค์ให้รู้หนังสือ,มีวิชาดีกว่าทรัพย์,ปฏิรูปการศึกษาและกลอนลำยาวล่องโขง ณ มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือและได้มอบหนังสือหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับทางสถาบันฯไว้ 1ชุด
4.2.11.1 เป็นวิทยากรบรรยายสาธิตการแสดงลำพื้น,ลำกลอน,ลำกลอนประยุกต์ให้กับผู้เข้าสัมมนาในงานสัมมนาหัวข้อการเสริมสร้างศักยภาพของหมอลำเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นในกลอนพุทธทำนาย,ฮีต 12 คอง 14,ประวัติหมอลำซิ่ง,รณรงค์ให้รู้หนังสือ,มีวิชาดีกว่าทรัพย์,ปฏิรูปการศึกษาและกลอนด้วยรักจากใจครู ณ โรงแรมแก่นอินทร์ จังหวัดขอนแก่นและได้มอบหนังสือหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับเจ้าของโครงการจัดสัมมนาไว้ 1 ชุด (โครงการมหาวิทยาลัยราชภัฏเลย-สกว.)
4.2.11.2 เป็นวิทยากรบรรยายสาธิตการแสดงลำพื้น,ลำกลอน,ลำกลอนประยุกต์และลำเพลินให้กับนิสิตนักศึกษาในงานสัมมนาหัวข้อเรื่องเปิดผ้าม่านกั้งในกลอนพุทธทำนาย,ฮีต 12 คอง 14,แก้วหน้าม้า,รณรงค์ให้รู้หนังสือ,มีวิชาดีกว่าทรัพย์,ปฏิรูปการศึกษาและกลอนด้วยรักจากใจครู ณ เดิ่นบ้านลานศิลปวัฒนธรรมมหาวิทยาลัย จังหวัดขอนแก่นและได้มอบหนังสือหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับเจ้าของโครงการจัดสัมมนาไว้ 1 ชุด (โครงการมหาวิทยาลัยขอนแก่น)
4.2.11.3 แสดงในงานวันเด็กแห่งชาติในกลอนรณรงค์ให้รู้หนังสือ,มีวิชาดีกว่าทรัพย์,ปฏิรูปการศึกษาและกลอนด้วยรักจากใจครู ณ เวทีกลางแจ้งริมบึงแก่นนคร จังหวัดขอนแก่นได้มอบหนังสือหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับเด็กที่ขึ้นมาร่วมกิจกรรมบนเวทีคนละ 1 ชุด
4.2.12 เมื่อปีพ.ศ. 2548-2549 เป็นวิทยากรบรรยายและสาธิตการแสดงลำกลอน,ลำกลอนประยุกต์เพื่อถ่ายทอดให้กับนักเรียนระดับชั้นประถมในกลอนไหว้ครู,รณรงค์ให้รู้หนังสือ,มีวิชาดีกว่าทรัพย์,ปฏิรูปการศึกษา,กลอนด้วยรักจากใจครู,กลอนหัวอกแม่,รณรงค์ต่อต้านยาเสพติดและกลอนเทิดไท้ในหลวง ณ โรงเรียนเทศบาลหนองแวงและโรงเรียนสนามบิน จังหวัดขอนแก่น (โครงการถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นปีการศึกษา2548-2549) และได้มอบหนังสือหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับทางโรงเรียนไว้ 1 ชุด
4.2.13 เมื่อปีพ.ศ. 2549 เป็นวิทยากรบรรยายและสาธิตงานแสดลำกลอน,ลำกลอนประยุกต์เพื่อถ่ายทอดให้กับนักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์และคณะครูอาจารย์ในงานสัมมนาหัวข้อศิลปินพื้นบ้านกับการพัฒนามนุษย์ในกลอนพัฒนาคุณภาพชีวิต,รณรงค์ให้รู้หนังสือ,มีวิชาดีกว่าทรัพย์,ปฏิรูปการศึกษา,กลอนด้วยรักจากใจครู,กลอนหัวอกแม่,คนไทยใฝ่สามัคคีและกลอนเทิดไท้ในหลวง ณ ห้องประชุมคณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่นและได้มอบหนังสือหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับทางสถาบันไว้ 1 ชุด
4.2.14 เมื่อปีพ.ศ. 2550 เป็นวิทยากรบรรยายและสาธิตการแสดงลำกลอน,ลำกลอนประยุกต์เพื่อถ่ายทอดให้กับนักเรียนระดับชั้นประถมในกลอนไหว้ครู,รณรงค์ให้รู้หนังสือ,มีวิชาดีกว่าทรัพย์,ปฏิรูปการศึกษา,กลอนด้วยรักจากใจครู,กลอนหัวอกแม่,รณรงค์ต่อต้านยาเสพติดและกลอนเทิดไท้ในหลวง ณ โรงเรียนเทศบาลบ้านหนองคู จังหวัดขอนแก่น (โครงการถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นปีการศึกษา 2550) และได้มอบหนังสือหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์ให้กับทางโรงเรียนไว้ 1ชุด
4.2.14.1 เป็นวิทยากรบรรยายและสาธิตการแสดงลำกลอน,ลำกลอนประยุกต์ในงานสัมมนาหัวข้อเรื่องเลิกเหล้าเข้าพรรษาปีมหามงคลในกลอนเลิกเหล้าเป้าหมายของชีวิตและกลอนเลิกเหล้าเข้าพรรษาเพื่อบูชาเทิดไท้ในหลวง ณ วิทยาลัยสาธารณสุขศิรินธร จังหวัดขอนแก่นและได้มอบหนังสือหลักสูตรการเรียนหมอลำทางไปรษณีย์และกลอนลำที่สาธิตและกลอนชุดปลุกจิตสำนึกให้คนไทยรักชาติ(ดูจากหนังสือกลอนลำเล่มที่ 14)ให้กับ ดร.ประชาสรรค์ แสนภักดี เจ้าของโครงการ 1 ชุด (โครงการเลิกเหล้าเลิกจน)
4.2.14.2 แสดงลำกลอน-ลำกลอนประยุกต์ในวันเข้าพรรษางานเลิกเหล้าเข้าพรรษาปีมหามงคลในกลอนเลิกเหล้าเป้าหมายของชีวิต,กลอนเลิกเหล้าเข้าพรรษาเพื่อบูชาเทิดไท้ในหลวงและกลอนเสาเข็มชีวิตแปดต้น ณ วัดป่าแสงอรุณจังหวัดขอนแก่นและได้มอบกลอนลำที่แสดงและกลอนชุดปลุกจิตสำนึกให้คนไทยรักชาติ(ดูจากหนังสือกลอนลำเล่มที่ 14) ให้กับหลวงพ่อสุเมโธ ภิกขุ เจ้าคณะภาค 9 และรองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น (โครงการเลิกเหล้าเลิกจน)
4.2.14.3 เป็นวิทยากรแสดงสาธิตลำพื้น,ลำกลอน,ลำศิลป์ชัยและลำประยุกต์ในงานเสวนาภาษาถิ่นก็ภาษไทยในกลอนลำล่องโขง,ลำเต้ยเกี้ยวผู้บ่าว,ลำพื้นพุทธทำนาย,ลำศิลป์ชัยเรื่องสังข์ศิลป์ชัยและประวัติลำกลอนซิ่ง ณ ห้องประชุม 2 คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นและได้มอบหนังสือกลอนลำ,ซีดีและวีซีดีในกลอนชุดที่แสดงสาธิต,ชุดร่างรัฐธรรมนูญ,ร่วมลงประชามติรัฐธรรมนูญและชุดปลุกจิตสำนึกให้คนไทยรักชาติให้กับปลัดกระทรวงวัฒนธรรมและผู้อำนวยการสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดขอนแก่นคนละ 1 ชุด (โครงการกระทรวงวัฒนธรรมและสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดขอนแก่น)
4.2.14.4 สาธิตการแสดงลำกลอนในงานประชุมสัมมนา ในกลอนชุดปลุกจิตสำนึกให้คนไทยรักชาติ ณ ห้องประชุม 1 อาคาร H S.05 คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์และได้มอบหนังสือกลอนลำ,ซีดี,วีซีดี,ชุดปลุกจิตสำนึกให้คนไทยรักชาติ,เสาเข็มชีวิต 8 ต้นและชุดท่องเที่ยวทั่วอีสานให้กับเจ้าของโครงการจัดสัมมนา
4.2.15 ด้านการเป็นวิทยากรพิเศษแสดงสาธิตแลบรรยายตามสถาบันการศึกษาต่างๆเป็นวิทยากรพิเศษแสดงสาธิตและบรรยายตามสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับอุดมศึกษา เช่นที่โรงเรียนสนามบิน โรงเรียนอนุบาล โรงเรียนเทศบาลนครขอนแก่น มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย นครศรีธรรมราช,สงขา มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นต้น
4.2.16 สนับสนุนการสอนเป่าแคนประกอบลำ แก่ชาวต่างประเทศ เช่น ดร. คริสโตเฟอร์ แอดเลอร์ จากมหาวิทยาลัยแซนดิเอโก สหรัฐอเมริกา เมื่อปีพ.ศ. 2539 และมิสเตอร์ จอห์นนี่ โอเซ่น จากลอสแอนเจลีสแคลิฟอร์เนีย เมื่อปีพ.ศ.2547และเยาวชนคนไทยทั่วไป เริมจากต้นจนปัจจุบันเรียนจบประกอบอาชีพได้มากกว่า 100 คน
4.2.17 ให้สัมภาษณ์พร้อมสาธิตการลำให้กับบริษัท เอนเอสเค เผยแพร่เสียงและภาพสถานีโทรทีวี ปีพ.ศ. 2543 และให้สัมภาษณ์พร้อมสาธิตการแสดงหมอลำให้กับ ชาวต่างประเทศ สำหรับทำสารคดีเพื่อเผยแพร่เสียงและภาพ ให้กับสถานีโทรทัศน์ และออสเตรเรีย ปีพ.ศ.2539
และให้สัมภาษณ์ และให้ข้อมูลแก่นักเรียน นิสิต นักศึกษา และนักวิชาการ ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เพื่อทำงาน ด้านวิจัย วิทยานิพนธ์ รวมทั้งนำไปเผยแพร่ภาพและเสียงทางวิทยุและทีวี เกือบครบทุกช่องไทยและต่างประทศบางส่วน
4.2.18 งานด้านการประพันธ์กลอนลำ (รวม 16 เล่ม/ชุด ประมาณหนึ่งพันกลอน มอบให้หน่วยงานต่างๆ)
4.2.19 การอุทิศตนเพื่อสังคม ได้ทำคุณประโยชน์แก่สังคมและชุมชนทั้งหน่วยงานราชการและองค์กรเอกชน ในด้านต่างๆดังนี้คือ ด้านการประพันธ์กลอนลำ ด้านแสดงหมอลำ ด้านการบริจาคทรัพย์ การร่วมประชุมสัมมนาทางวิชาการ การเป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้ด้านศิลปวัฒนธรรม และการสร้างอาชีพแก่เยาวชนและคนอีสานทั่วไปให้มีงานทำ และได้รับคัดเลือกแต่งตั้งให้เป็นกรรมการช่วยงานด้านต่าง ๆ หลายสมัยและหลายหน่วยงาน ด้านการบริจาค ได้บริจาคทรัพย์ทั้งเป็นเงินและสิ่งของตลอดการแสดงหมอลำช่วยงานสมโภชน์ช่วยงานต่าง ๆ ในราคาพิเศษหรือบางทีก็เป็นวิทยาทานให้แก่วัดวาอารามหรือหน่วยงานที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และชอบช่วยเหลือบุคคลที่ด้อยโอกาสกว่าตน เช่น การสอนลูกศิษย์ให้เป็นหมอลำมืออาชีพ แล้วยังสนับสนุนให้ได้ศึกษาต่อถึงระดับปริญญาถือว่าเป็นการช่วยให้เยาวชนและคนอีสานมีงานทำและเป็นที่พึ่งของพ่อแม่และตนเองได้
ด้านจุดเปลี่ยนของหมอลำ ในสังคมไทยถิ่นอีสาน
1. พัฒนาการของหมอลำจากอดีตจนถึงปัจจุบัน
ชอบ ดีสวนโคก (2554) สัมนาเรื่อง หมอแคน : ภูมิรู้และภูมิปัญญาเชิงคีตศิลป์กับการสืบสานมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม, เมือวันที่ 4 มิถุนายน 2554 ได้เล่าถึงความเป็นมาของหมอลำว่า
หมอลำนั้นเริ่มต้นมาจากบุคคลที่มีศิลมีธรรม “หมอลำ” จึงเกิดขึ้นจากกลุ่มคนเหล่านี้องค์ประกอบที่สำคัญของหมอลำคือ
1. ผู้แต่งกลอนลำ
มาจากวัดจากการบวชเรียนลักษณะของกลอนลำที่แต่งส่วนมากจะมาจากปราชญาชุมชน และมาจาก เชียงขวาง ประเทศลาว สมัยก่อนคนส่วนใหญ่จะเชื่อเรื่องวิญาณนิยม เชื่อเรื่องผี และในวิถีชุมนั้นอยากจะอยู่รอดปลอดภัยจึงต้องทำการบวงสรวง วิงวอนต่อ “ผีแถน” กลายมาเป็นคนพูดที่มีจังหวะ มีสำเนียงที่เกิดความไพเราะเพื่อให้ผีแถนเกิดความเมตาสงสารจะได้อยู่รอดปลอดภัย และก่อนที่จะเรียกว่า “ลำ” ในปัจจุบันนี้ สมัยก่อนนั้นเรียกว่า “ขับ”
หมอลำและนักแต่งกลอนลำนั้นสมัยก่อนมาจากพระพุทธศาสนา โดยจากการบวชและได้ลาสิขาบท ออกมาแล้วได้นำนิทานชาดกเวชสันดรออกมาเทศและนำออกเผยแพร่ นำมาพูดจากันในชุมชนแล้วนำไปทำการแสดงเป็นหมอลำ จนเกิดภูมิรู้ ภูมิธรรม ความรู้เหล่านี้เรียกว่า “ผญาปัญญา” และได้นำไปบอกไปสอนกันจนกลายเป็น ภูมิปัญญาจากความรู้ และจากพระพุทธศาสนา
2. การเกิดลำ
ลำ คือ สิ่งที่สัมผัส (ก่าย) กันไปยาว ๆ เป็นเรื่องเป็นราว หรืออาจกล่าวได้ว่า ลำ เกิดจากการเล่าเรื่อง กลอนนิทาน (ลำพื้น) พื้น คือ เป็นเรื่องราว ลำพื้นจะลำเพียงคนเดียวส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย และอาจกล่าวไปถึงลำอีกประเภทหนึ่งที่ใช้ปัญญาในการตอบโต้กันคือ “ลำผญา” หมายถึงเอาปัญญามาสอดคล้องกัน เรียกว่า “ลำเกี้ยวผญา”และได้พัฒนามาเป็นลำหลาย ๆ คนจนต่อมาได้พัฒนาปรับเปลี่ยนให้ทันยุกต์ทันสมัยขึ้น จนกลายมาเป็น “ลำเรื่องต่อกลอน” เพราะผู้ฟังอยากมีส่วนร่วมในการแสดงด้วย เนื้อหาส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ต่างกับลำพื้นมาก จะลำเป็นเนื้อเรื่องนิทานก็ได้ ลำทางสั้น ลำทางยาว ลำเต้ย เป็นต้น
จึงสรุปได้ว่า ผู้แต่งกลอนลำนั้นเป็นผู้ที่มีบทบาทมาก จึงเป็นผู้ที่มี ภูมิรู้ ภูมิธรรม และภูมิปัญญา โดยมองในแง่ของคุณธรรมและจริยธรรม ส่วนกลอนลำนั้นเกิดจากพระพุทธศาสนาจากคำสอนจนกลายเป็น ฮิต 12 คอง 14 เกิดจากผู้ที่เคยบวชแล้วสึกออกมาแล้วนำเนื้อหาทางพระพุทธศาสนามาแต่งเป็นกลอนลำ จนถือได้ว่ากลอนลำเป็นจารีตประเพณีของชาวอีสานก็ว่าได้
2. การเปลี่ยนแปลงของหมอลำกลอนย้อนยุคมาเป็นหมอลำกลอนประยุกต์ (ลำซิ่ง)
2.1 ลำกลอนย้อนยุกต์ ในปี พ.ศ. 2508 แม่ครูราตรี ศรีวิไล อายุได้เพียง 14 ปี และได้มีโอกาสออกลำครั้งแรก โดยแม่ครูราตรี ศรีวิไลนั้นลำคนเดียวไม่มีหมอลำฝ่ายชายและไม่มีแคนเป่าให้จังหวะเลย หลังจากนั้นจึงเกิดความภูมิใจในการแสดงในวันนั้นจึงออกลำเรื่อยมา
2.2 ลำหมู่หรือลำเรื่องต่อกลอน ในปี พ.ศ. 2552 หมอลำกลอนธรรมดานั้นได้ซบเซาลงมาก โดยมีหมอลำหมู่ และเพลงลูกทุ่งเข้ามาแทนที่หมอลำกลอน แม่ครูราตรี ศรีวิไล จึงได้เปลี่ยนผันตนเองจากเป็นหมอลำกลอนไปเป็นนางหมอลำหมอลำหมู่ ในอายุ 15 ปี
2.3 ลำกลอนประยุกต์ (ลำซิ่ง) ในปี พ.ศ.2529 แม่ครูราตรี ศรีวิไลได้กลับมาแสดงลำกลอนธรรมดาเหมือนเดิมเนื่องจาก วงหมอลำหมู่นั้นต้องได้แจงค่าใช้จ่ายกันมากไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ แต่แล้วแม่ครูราตรี ศรีวิไลก็พบว่า ผู้คนซบเซาลงอย่างมากเพราะคนไปสนใจในภาพยนตร์ หมอลำหมู่ และดนตรีลูกทุ่งกันหมด แม่ครูราตรี ศรีวิไล กับพี่ชาย สุนทร ชัยรุ่งเรือง จึงได้ปรับปรุงประยุกต์ เนื้อหาของกลอนลำ ท่วงทำนอง ลีลาท่าฟ้อน ให้ทันสมัยขึ้นกว่าเดิมจนกลายมาเป็นลำกลอนประยุกต์ (ลำซิ่ง) มาจนถึงปัจจุบัน
การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีเมื่อ ปี พ.ศ. 2515 ทำให้แม่ครูราตรี ศรีวิไลได้เริ่มเปิดการเรียนการสอนหมอลำแบบเรียนประจำ โดยลูกศิษย์มาสมัครเรียนและเข้ามาอยู่ในความปกครองและการเลี้ยงดูอยู่กินที่บ้านครูผู้สอน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ซึ่งแม่ครูราตรีศรีวิไลได้เล็งเห็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอนโดยการได้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายทั้งผู้เรียนแลผู้สอน จึงได้ผลิตสื่อ การเรียนการสอนหมอลำแบบเรียนทางไปรษณีย์ (เรียนด้วยตนเอง) ประกอบการด้วยหนังสือคู่มือบทกลอนลำ และเทป ซีดี วีซีดี ทำนองลำ เมื่อท่องจำกลอนได้ตามหลักสูตรแล้ว ให้เข้ามาฝึกซ้อมท่าทางประกอบการลำโดยเข้ามาพักที่บ้านครู การเรียนทางไปรษณีย์ จึงเป็นการเผยแพร่ให้รวดเร็ว และทั่วถึงกลุ่มผู้สนใจมากยิ่งขึ้น ได้เริ่มสอนทางไปรษณีย์เมื่อ ปี พ.ศ.2537 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน
แม่ครูราตรี ศรีวิไล ได้ใช้บทบาทการแสดงหมอลำเป็นสื่อพื้นบ้านในการรณรงค์เผยแพร่ข่าวสารบ้านเมืองช่วยเหลืองานราชการในโครงการต่าง ๆ อาทิเช่น โครงการวางแผนครอบครัว ส่งเสริมเผยแพร่ประชาธิปไตย อีสานไม่กินปลาดิบ ต่อต้านโรคเอดส์ ต่อต้านยาเสพติด เชิญชวนท่องเที่ยวไทยและโครงการร่วมคิดร่วมสร้างร่วมร่างรัฐธรรมนูญ เป็นต้น
เนื่องจากแม่ครูราตรีศรีวิไลเป็นทั้งนักแต่งกลอนลำ นักแสดงหมอลำ รวมทั้งเป็นนักอนุรักษ์และพัฒนาทั้งการแสดงและการออกแบบเครื่องแต่งกาย เช่นชุดหมอลำ หางเครื่อง นักดนตรี
การพัฒนารูปแบบการแสดงให้ทันเหตุการณ์ตามยุคตามสมัย และพัฒนารูปแบบการแต่งกายของนักแสดง โดยการนำเอาผ้าหมี่ ผ้าไหมพื้นบ้านมาประยุกต์ใช้ตัดเป็นทรงให้ทันสมัยตามความเหมาะสม (ภาพรวมจะเน้นการอยู่ในบนพื้นฐานของวัฒนธรรมไทย) จึงเป็นการจูงใจให้ลูกศิษย์นิยมชมชอบในความคิดสร้างสรรค์ของแม่ครูราตรี ศรีวิไล ได้หลั่งไหล เข้ามาเรียนมากมาย รวมทั้งเจ้าภาพจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน มาติดต่อให้แต่งกลอนลำ และนำไปแสดงเผยแพร่ในงานต่าง ๆ เป็นประจำมากมายพอสมควร จนถึงปัจจุบัน
จุดเปลี่ยนของหมอลำ
ในปัจจุบันนี้หมอลำเหลือแต่หมอลำรุ่นก่อนที่สามารถ่ายทอดหมอลำกลอนย้อนยุคได้ดี เพราะหมอลำรุ่นก่อนให้ความรู้ได้ดี สามารถถ่ายทอดและสืบทอดให้หมอลำเป็นสื่อในการเล่าเรื่องได้ และหมอลำรุ่นก่อนก็เหลืออยู่ไม่มากนัก
ความเสี่ยงของการสูญเสียหมอลำ เกิดจาก สถานที่จัดงาน ราคา คนทะเลาะวิวาท เวลาหมอลำไปแสดงคนจะตีหน้าเวทีตลอดทำให้ภาพพจน์หมอลำเสียหายอย่างมากจึงไม่จะทำให้ไม่มีคนกล้าจ้างหมอลำไปแสดง
คนที่จะอนุรักษ์หมอลำก็เหลือน้อยเต็มที่แล้วเหลือแต่หมอลำรุ่นก่อนโดยส่วนใหญ่เป็นการสืบสานกันทางด้านเครือญาติหรือลูกหลานเท่านั้นการสูญเสียหมอลำรุ่นก่อนไป เกิดจากการแต่งกายของหมอลำรุ่นใหม่โดยการใส่กระโปงเขิน นุ่งน้อยห่มน้อยเป็นต้น
(วัลลภ ศรีธรราษฎร์. 2554 : สัมภาษณ์)
ด้านลูกศิษย์ที่ประสบผลสำเร็จในการเรียนหมอลำจากแม่ครูราตรี ศรีวิไล
ประวัติลูกศิษย์ที่ประสบผลสำเร็จในการเรียนหมอลำกับแม่ครูราตรี ศรีวิไล โดยได้คัดเลือกมาเป็นบางส่วน มีจำนวน 4 คน ดังนี้
1. หมอลำชาย เดชา ทรงศิลป์
2. หมอลำชาย ประวิทย์ เพชรลำชี
3. หมอลำหญิง พางเพชร กาละพันธ์
4. หมอลำหญิง นันทนา แก้วเสด็จ
1. หมอลำชาย เดชา ทรงศิลป์
1.1 ประวัติการเรียนหมอลำ
เกิดเมื่อ พ.ศ. 2511 ที่ ตำบลโคกล่าม อำเภอแก้งคล้อ จังหวัด ชัยภูมิ เริ่มเข้ามาสมัครเป็นลูกศิษย์ เรียนลำกลอน ประจำอยู่ที่บ้านแม่ครูราตรีศรีวิไลเมื่อ พ.ศ.2526 สำเร็จหลักสูตรการเรียนลำกลอนภายในหกเดือน ออกงานแสดงและยึดเป็นอาชีพได้ ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2529 ได้เรียนหลักสูตรลำกลอนประยุกต์ อาชีพลำซิ่งและลำกลอนควบคู่กัน จนถึงปัจจุบัน
1.2 ประวัติการศึกษา
การศึกษาจบชั้นประถมหก
1.3 รางวัลจากการประกวดการแสดงหมอลำ
โดยแม่ครูราตรีศรีวิไลเป็นผู้ประพันธ์กลอนให้นำไปประกวด
1.3.1 เมื่อปี พ.ศ.2530 ชนะเลิศการประกวดหมอลำกลอนโครงการอีสานเขียวที่สถานีโทรทัศน์ ช่อง 4 จังหวัดขอนแก่น
1.3.2 ปี พ.ศ. 2530 ชนะเลิศการประกวดหมอลำซิ่งโครงการอนุรักษ์วัฒนธรรมพื้นบ้าน ที่งานไหมผูกเสี่ยว จังหวัดขอนแก่น
1.3.3 ปี พ.ศ. 2532 ชนะเลิศการประกวดหมอลำซิ่งโครงการรณรงค์ปีการท่องเที่ยวจังหวัดขอนแก่นที่งานดอกคูณเสียงแคน จังหวัดขอนแก่น
1.3.4 ปี พ.ศ.2536 รองชนะเลิศการปะกวดหมอลำซิ่ง แห่งประเทศไทย งานอนุรักษ์เต่าตะนุ ที่อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด
2. หมอลำชาย ประวิทย์ เพชรลำชี
2.1 ประวัติการเรียนหมอลำ
เกิดเมื่อ พ.ศ. 2519 ที่ตำบลหนองเหล็ก อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม เริ่มเข้ามาสมัครเป็นลูกศิษย์ เรียนลำกลอน และลำกลอนประยุกต์ (ลำซิ่ง) ประจำอยู่ที่บ้านแม่ครูราตรีศรีวิไล เมื่อ พ.ศ. 2534 สำเร็จหลักสูตรการเรียนลำกลอน และลำกลอนประยุกต์ (ลำซิ่ง) ภายในเจ็ดเดือนออกงานแสดงและยึดเป็นอาชีพทั้งลำกลอน และลำกลอนประยุกต์ (ลำซิ่ง) ควบคู่กัน จนถึงปัจจุบัน
2.2 ประวัติการศึกษา
การศึกษาจบชั้นมัธยมหก
2.3 รางวัลจากการประกวดการแสดงหมอลำ
โดยแม่ครูราตรีศรีวิไลเป็นผู้ประพันธ์กลอนให้นำไปประกวด
2.3.1 ปี พ.ศ.2536 รองชนะเลิศการประกวดหมอลำซิ่ง โครงการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีฮีตสิบสองคองสิบสี่ ที่งานไหมผูกเสี่ยว จังหวัดขอนแก่น
2.3.2 ปี พ.ศ. 2537 ชนะเลิศการประกวดหมอลำซิ่ง โครงการ “สุขภาพดีถ้วนหน้า” ที่สถานีโทรทัศน์ ช่องสิบเอ็ด จังหวัดขอนแก่น
2.3.3 ปี พ.ศ. 2537 รองชนะเลิศการประกวดหมอลำซิ่ง โครงการ ประกันสังคม ที่สถานีโทรทัศน์ ช่องสิบเอ็ด จังหวัดขอนแก่น
2.3.4 ปี พ.ศ. 2538 รองชนะเลิศการประกวดหมอลำซิ่ง โครงการ รณรงค์ต่อต้านโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ และอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณี ฮีตสิบสองคองสิบสี่ ที่งานบุญผเหวด จังหวัด 2.3.5 ปี พ.ศ.2539 ชนะเลิศการประกวดหมอลำซิ่ง โครงการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมการแสดงพื้นบ้านที่งานทุ่งศรีเมืองจังหวัดอุดรธานี
2.3.6 ปี พ.ศ.2540 ชนะเลิศการประกวดหมอลำซิ่ง โครงการอนุรักษ์วัฒนธรรม ที่งานไหมผูกเสี่ยว จังหวัดขอนแก่น
2.3.7 ปี พ.ศ.2541 รองชนะเลิศการประกวดหมอลำซิ่งแห่งประเทศไทยโครงการ รณรงค์เชิญชวนท่องเที่ยวจังหวัดชัยภูมิ และ เทิดพระเกียรติ “สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี”ที่จังหวัดชัยภูมิการศึกษาจบชั้นมัธยมหกปี
2.3.8 พ.ศ.2546 ชนะเลิศการประกวดหมอลำซิ่งแห่งประเทศไทยโครงการท่องเที่ยวทั่วอีสาน (แชมป์เงินล้าน-โล่พระราชทานจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี) จัดโดย ททท.
3. หมอลำหญิงพวงเพชร กาละพันธ์
3.1 ประวัติการเรียนหมอลำ
เกิดเมื่อ พ.ศ. 2511 ที่ บ้านหนองมัญปลาตำบลกู่ทอง อำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม เริ่มเข้ามาสมัครเป็นลูกศิษย์ เรียนลำกลอน ประจำอยู่ที่บ้านแม่ครูราตรีศรีวิไลเมื่อ พ.ศ. 2526 สำเร็จหลักสูตร การเรียนลำกลอนภายในหกเดือน ออกงานแสดงและยึดเป็นอาชีพได้ ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2529 ได้เรียนหลักสูตรลำกลอนประยุกต์ (ลำซิ่ง) เพิ่มเติม สำเร็จหลักสูตรการเรียนลำซิ่งภายในหกเดือน ออกงานแสดงเป็นอาชีพลำซิ่งและลำกลอนควบคู่กัน จนถึงปัจจุบัน
3.2 ประวัติการศึกษา
การศึกษาจบชั้นมัธยมหก
3.3 รางวัลจากการประกวดการแสดงหมอลำ
โดยแม่ครูราตรีศรีวิไลเป็นผู้ประพันธ์กลอนให้นำไปประกวด
3.3.1 ปี พ.ศ. 2529 รองชนะเลิศการประกวดหมอลำกลอน “เทิดพระเกียรติในหลวง” ที่สถานีวิทยุแห่งประเทศไทยจังหวัดมหาสารคาม
3.3.2 ปี พ.ศ.2530 รองชนะเลิศการประกวดหมอลำกลอนโครงการอีสานเขียว ที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 4 จังหวัดขอนแก่น
3.3.3 ปี พ.ศ. 2530 ชนะเลิศการประกวดหมอลำซิ่งโครงการอนุรักษ์วัฒนธรรมพื้นบ้านที่งานไหมผูกเสี่ยว จังหวัดขอนแก่น
3.3.4 ปี พ.ศ. 2531 ชนะเลิศการประกวดหมอลำซิ่งโครงการรณรงค์ปีการท่องเที่ยวจังหวัดขอนแก่นที่งานดอกคูณเสียงแคน จังหวัดขอนแก่น
3.3.5 ปี พ.ศ. 2532 รองชนะเลิศการประกวดหมอลำกลอนโครงการรณรงค์อีสานไม่กินปลาดิบ ที่สถานีโทรทัศน์ ช่อง 4 จังหวัดขอนแก่น
3.3.6 ปี พ.ศ. 2532 ชนะเลิศการประกวดหมอลำกลอนโครงการรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ ที่สถานีโทรทัศน์ ช่อง 4 จังหวัดขอนแก่น
4. หมอลำหญิง นันทนา แก้วเสด็จ
4.1 ประวัติการเรียนหมอลำ
เกิดเมื่อ พ.ศ. 2514 ที่ บ้านน้ำสวย ตำบลสระใคร อำเภอเมือง จังหวัด หนองคาย เริ่มเข้ามาสมัครเป็นลูกศิษย์ เรียนลำกลอน ประจำอยู่ที่บ้านแม่ครูราตรีศรีวิไลเมื่อ พ.ศ. 2528 สำเร็จหลักสูตร การเรียนลำกลอนภายในหกเดือน ออกงานแสดงและยึดเป็นอาชีพได้ ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2529 ได้เรียนหลักสูตรลำกลอนประยุกต์ (ลำซิ่ง) เพิ่มเติม สำเร็จหลักสูตรการเรียนลำซิ่งภายในหกเดือน ออกงานแสดงเป็นอาชีพลำซิ่งและลำกลอนควบคู่กันจนถึงปัจจุบัน
4.2 ประวัติการศึกษา
การศึกษาจบชั้นมัธยมหก
4.3 รางวัลจากการประกวดการแสดงหมอลำ
โดยแม่ครูราตรีศรีวิไลเป็นผู้ประพันธ์กลอนให้นำไปประกวด
4.3.1 ปี พ.ศ. 2529 รองชนะเลิศการประกวดหมอลำกลอน “เทิดพระเกียรติในหลวง” ที่สถานีวิทยุแห่งประเทศไทย จังหวัดมหาสารคาม
4.3.2 ปี พ.ศ. 2530 รองชนะเลิศการประกวดหมอลำกลอนโครงการอีสานเขียว ที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 4 จังหวัดขอนแก่น
4.3.3 ปี พ.ศ. 2532 รองชนะเลิศการประกวดหมอลำกลอนโครงการรณรงค์อีสานไม่กินปลาดิบที่สถานีโทรทัศน์ ช่อง 4 จังหวัดขอนแก่น
4.3.4 ปี พ.ศ. 2540 ชนะเลิศการประกวดหมอลำซิ่ง แห่งประเทศไทยโครงการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมการแสดง พื้นบ้าน หมอลำ ที่งานเรศวรมหาราช จังหวัดหนองบัวลำภูจัดโดย ททท.
ปี พ.ศ. 2546 รองชนะเลิศการประกวดหมอลำซิ่งแห่งประเทศไทยโครงการท่องเที่ยวทั่วอีสาน จัดโดย ททท.
4.3.5 ปี พ.ศ.2554 รองชนะเลิศการประกวดหมอลำกลอน โครงการอนุรักษ์
ศิลปวัฒนธรรมการแสดงพื้นบ้านหมอลำ ที่งานสรงกานต์ ที่จังหวัดหนองคาย
ด้านการสอนหมอลำของศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยแม่ครูราตรี ศรีวิไล
1. ด้านการสอนหมอลำ
แม่ครูราตรี ศรีวิไลได้ทำการสอนหมอลำโดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเด็นคือ 1) ด้านเนื้อหาการถ่ายทอดความรู้ 2) ด้านวิธีการถ่ายทอดความรู้ 3)การประเมินการเรียนการสอนโดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ด้านเนื้อหาการถ่ายทอดความรู้
1.1 ความสำคัญของหมอลำ
1.1.1 ด้านเนื้อหาของกลอนลำ เกี่ยวกับเรื่องฮีต คองประเพณี ศีลธรรมธรรม จริยธรรม วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ เกี้ยวพาราสี นิทานฝ่ายธรรม และฝ่ายโลก ตลอดจนกลอนเบ็ดเตล็ดต่าง ๆ ลักษณะเนื้อหาสาระของกลอนลำ ทั้งลำกลอนและลำกลอนประยุกต์ (ลำซิ่ง) ที่ถ่ายทอดในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไลแห่งนี้ ส่วนใหญ่จะเน้นที่การอนุรักษ์และส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านอีสาน จึงมีเนื้อหาสาระที่เกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ เช่น เรื่องคุณธรรม ศิลธรรม จริยธรรม วัฒนธรรมประเพณีเป็นหลัก และเพิ่มเติมด้วยบทตลกขบขัน โดยใช้ ผญาคำคมอีสานสอดแทรกตามความเหมาะสม รวมทั้งลำกลอนและลำกลอนประยุกต์ (ลำซิ่ง) จะใช้เนื้อหาสาระเหมือนกัน จะแตกต่างเฉพาะทำนองลำ
1.1.2 ความสำคัญของหมอลำ หมอลำเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุนทรียภาพ
หมอลำเป็นผู้ที่มีความชำนาญในด้านการลำโดยการถ่ายทอดความรู้ออกมาได้อย่างกินใจ เนื้อหากลอนลำมีสัมผัสสระ สัมผัสอักษร มีคำกินใจ และหมอลำนั้นก็มีไหวพริบปฎิพาณในการแสดงด้านหน้าเวทีเนื้อหาที่นำมาแสดงส่วนใหญ่ก็จะเป็นประเพณีพื้นบ้านอีสานทำให้ผู้ชมชื่นชอบและเข้าถึงอารมณ์ของผู้ถ่ายทอดเป็นอย่างดี
1.2 ความเป็นมาของหมอลำกลอนประยุกต์(ลำซิ่ง)
1.2.1 หมอลำกลอนประยุกต์ (ลำซิ่ง) พัฒนามาจากหมอลำพื้น ลำเรื่องต่อกลอน
ลำกลอน
1.3 การเรียนการสอนหมอแคนเพื่อเป่าประกอบลำและดนตรีรวมถึงความแตกต่างของลักษณะลายแคนที่เป่าประกอบลำ
1.3.1ลักษณะลายแคนทีใช้เป่าประกอบลำกลอน หมอลำกลอนใช้เฉพาะแคนประกอบจะเน้นที่จังหวะให้เข้ากับทำนองลำ โดยหมอแคนจะต้องใช้เวลาศึกษาหรือจำบทกลอนและทำนองลำให้แม่นยำ เพราะลายแคนเป็นส่วนประกอบที่โดดเด่นและถือเป็นหัวใจส่วนหนึ่งของการแสดงลำกลอน จึงต้องเน้นลายแคนให้สอดคล้องกับจังหวะทำนองลำ สามารถทำให้ผู้ฟังเกิดอารมณ์คล้อยตาม และเกิดสุนทรียภาพกับการฟังเสียงแคนประกอบลำ
1.3.2 หมอลำเรื่องต่อกลอนแบบดั้งเดิม ใช้เฉพาะแคนเป่าประกอบ ต่อมาประยุกต์ใช้ดนตรีอีสานและดนตรีสากลผสมผสานกัน
1.3.3 หมอลำกลอนประยุกต์ (ลำซิ่ง)ได้ประยุกต์ใช้ดนตรีอีสานและดนตรีสากลผสมผสานกันลักษณะลายแคนและดนตรีที่ใช้ประกอบลำซิ่ง จะเน้นที่ท่าทางการแสดงของหมอแคน(ผู้เป่าแคน) จะเน้นที่จังหวะให้เข้ากับทำนองลำ โดยหมอแคนจะต้องใช้เวลาศึกษาหรือจำบทกลอนและทำนองลำให้แม่นยำเพราะลำซิ่งมีทำนองหลากหลาย แต่ลายแคนอาจไม่โดดเด่นเท่าลายแคนประกอบการแสดงลำกลอน เพราะอาศัยเสียงดนตรีที่หลากหลายเช่นนำเอาดนตรีสากล มาผสมผสานกับดนตรีไทยอีสาน จึงทำให้เพิ่มความสนุกสนานเร้าใจ ทำให้ผู้ชมผู้ฟัง เกิดสุนทรียภาพกับเสียงดนตรีมากขึ้น แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ “แคน” ซึ่งถือว่าเป็นแม่เสียงของดนตรีประกอบลำกลอนประยุกต์
(ลำซิ่ง) ทำให้ผสมกลมกลืนสอดคล้องกับจังหวะทำนองลำกลอนประยุกต์ (ลำซิ่ง) บางทีอาจแบ่งส่วนกันรับระหว่างดนตรีแต่ละชิ้นในวงดนตรีที่เล่นร่วมกัน แต่ก็สามารถทำให้ผู้ฟังเกิดอารมณ์คล้อยตาม และเกิดสุนทรียภาพกับการฟังเสียงแคนเสียงดนตรีประกอบลำกลอนประยุกต์(ลำซิ่ง) อย่างสนุกสนานได้
1.4 การแต่งกลอนลำให้มีสุนทรียภาพ
1.4.1 เนื้อหาของกลอนลำ ได้แก่กลอนลำที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความเชื่อ คำสอน ความรัก พรรณนาความงามของธรรมชาติ วิธีชีวิต และขนบธรรมเนียมประเพณี
1.4.2 รูปแบบและฉันทลักษณ์ของกลอนลำ ที่มีสุนทรียภาพได้แก่ กลอนลำที่มีรูปแบบและฉันทลักษณ์ที่ถูกต้องตามแบบแผน ในลักษณะของ กลอนร่าย กลอนกาพย์ กลอนเยิ้น และกลอนเพลง
1.4.3 ด้านศิลปะในการใช้ถ้อยคำในกลอนลำที่มีสุนทรียภาพ คือเป็นกลอนลำที่มีการใช้ถ้อยคำ ได้ลึกซึ้งกินใจ เห็นภาพพจน์ เป็นคำผญาหรือปรัชญา ทั้งทางโลกและทางธรรม และเป็นคติสอนใจ
1.5 การแสดงลำกลอน ลำหมู่ ลำเพลิน ลำกลอนประยุกต์ (ลำซิ่ง)
1.5.1 ลักษณะลำกลอน
จะเน้นการแต่งกลอนในรูปแบบทำนองลำกลอนธรรมดา มีทำนองเพลงลูกทุ่งผสมผสานบ้างเล็กน้อย ประกอบด้วยทำนอง ลำทางสั้น ลำทางล่องและลำเต้ย โดยจัดเป็นยกจากยก 1ถึงยก 6 และแยกออกเป็นหลักของฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย เริ่มจากขึ้นเวทีจนถึงเวลาลำลาเวที
1.5.1.1 ใช้นักแสดง 3-4 คน 1.หมอลำฝ่ายชาย 2.หมอลำฝ่ายหญิง 3.หมอแคน 1-2 คน
1.5.1.1 การแต่งกาย ผู้ชายสมัยก่อนใส่เสื้อม่อฮ่อม นุ่งผ้าโสร่ง ผ้าขาวม้ารัดเอว ยุคต่อมา หมอลำฝ่ายชาย นุ่งสูทสากลหรือทรงพระราชทาน ส่วนฝ่ายหญิงสมัยก่อนนุ่งผ้าหมี่มีตีน เสื้อคอกลมสีหลากหลาย ยุคต่อมานุ่งกระโปรงยาวระดับหัวเข่า และชุดไทยอีสานหรือชุดไทยภาคกลาง
1.5.2 ลำหมู่ (ลำเรื่องต่อกลอน)
1.5.2.1 มีนักแสดงหลากหลายให้ครบตัวละครในเรื่องนั้น ๆ มีดนตรีประกอบ เช่น ดนตรีอีสานผสมผสานกับดนตรีสากล
1.5.2.2 การแต่งกาย ฝ่ายชายจะแต่งเหมือนนักแสดงลิเกไทย ฝ่ายหญิงจะแต่งชุดไทยและชุดราตรียาว
1.5.3 ลำเพลิน
1.5.3.1 มีนักแสดงหลากหลายให้ครบตัวละครในเรื่องนั้นๆ มีดนตรีประกอบเหมือนหมอลำเรื่องต่อกลอน (เน้นเสียงพิณเป็นหลัก)
1.5.3.2 การแต่งกาย ฝ่ายชายจะแต่งเหมือนนักแสดงลิเกไทย ฝ่ายหญิงจะแต่งกระโปรงสั้นเหนือหัวเข่าประมาณ 5 นิ้ว ส่วนมากจะเป็นชุดต่อกันหรือชุดแซ๊ก หรือเป็นชุดผ้าซิ้นสั้นเหมือนนางรำวงโปงลาง
1.5.4 ลักษณะลำกลอนประยุกต์ (หมอลำซิ่ง)
จะเน้นการแต่งกลอนในรูปแบบทำนองหลากหลาย และเน้นจังหวะเร็วขึ้นกว่าเดิม ผสมผสานด้วยทำนองเพลงลูกทุ่ง ลูกกรุง สตริง รวมทั้งทำนองลำอีสานทุกประเภท โดยจัดเป็นยกจากยก 1ถึงยก 6 และแยกออกเป็นหลักของฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย เริ่มจากขึ้นเวทีจนถึงเวลาลำลาเวที
1.5.4.1 รูปแบบหมอลำกลอนประยุกต์(ลำซิ่ง) วงเล็กประกอบด้วยนักแสดง คือ
1) หมอลำฝ่ายชาย
2) หมอลำฝ่ายหญิง
3) หมอแคนและนักดนตรีประกอบประมาณ 5 – 8 คน
4) หางเครื่อง 4 คนขึ้นไป
1.5.4.2 รูปแบบคอนเสิร์ตหมอลำกลอนประยุกต์(ลำซิ่ง) จะเป็นคณะที่ใหญ่ขึ้นประกอบด้วยนักแสดง คือ
1) มีหมอลำชาย 5-10 คน
2) หญิง 5-10 คนขึ้นไป
3) หมอแคนกับคณะดนตรีมีจำนวนเท่าเดิม
4) หางเครื่องประมาณ 50 – 100 คน
1.5.4.3 การแต่งกาย แม่ครูราตรศรีวิไลเป็นคนออกแบบและกำหนดให้โดยนำเอาผ้าพื้นบ้านมาประยุกต์ใช้ หมอลำฝ่ายชายแต่งตัวเหมือนหมอลำกลอนยุคใหม่ ส่วนหมอลำฝ่ายหญิงนุ่งกระโปรงแซ๊ก หรือกระโปรงท่อน และผ้าซิ่นเหมือนนางรำวงโปงลาง แต่จะเหนือหัวเข่าประมาณ 2-3 นิ้ว
1.5.5 ไหวพริบปฏิภาณในการแสดง
ต้องเป็นผู้มีไหวพริบปฏิภาณในการแสดง รู้จักการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเวลาแสดงบนเวทีทั้งกับคู่ลำและผู้ชมหน้าเวที รวมทั้งเตรียมแก้สถานการณ์ทุกสภาวะที่จะเกิดขึ้นจากผู้ชมหน้าเวที
2. ด้านวิธีการถ่ายทอดความรู้
2.1 ฝึกลำตามเนื้อกลอนลำที่มอบหมายให้
2.1.1 มีหนังสือคู่มือเป็นบทกลอนลำตามหลักสูตร
2.1.2 เทปหรือซีดีทำนองลำ (ท่องจำได้ตามทำนองแล้วเข้ามาฝึกปฏิบัติจริงกับครูด้านฟ้อนหรือท่าทางประกอบลำ) หลังจากนั้นก็เป็นการสอบโดยขึ้นปฏิบัติจริงบนเวที ถ้าผ่านก็รับงานให้ออกแสดงเป็นงานของตัวเอง
2.2 ฝึกฟ้อนและลำประกอบกันให้เข้ากันตามจังหวะเสียงแคนและกลองชุดแก้ไขปรับเสียงลำให้กลมกลืนกับท่าทางการฟ้อนที่สวยงามและถูกต้องตามหลักการลำและการฟ้อนทั้ง คู่ชาย – หญิง
2.2.1 ฝึกการยกขาและย้อน (ย่อตัวขึ้นลง) ให้ถูกวิธี ตามด้วยการยกแขนซ้ายขวาฟ้อน(รำ) หลังจากนั้นก็ให้ทำทั้งสองวิธีพร้อม ๆ กันให้เข้าจังหวะและสอดคล้องกันระหว่างแขนกับขา จากนั้นก็ต่อท่าฟ้อนขยายให้มากขึ้นจนจบตามหลักสูตร โดยแม่ครูราตรีศรีวิไลเป็นคนสอนเองและฝึกตาม วีดีโอ หรือวีซีดี ตามหลักสูตรที่กำหนดไห้ รวมทั้งหลักสูตร การเรียนการสอนหมอลำกลอนและหมอลำกลอนประยุกต์ (ลำซิ่ง)
2.3 ฝึกเต้นโชว์แบบหางเครื่องเป็นหมู่คณะการประดิษฐ์ท่าเต้นในเพลงต่าง ๆ
2.3.1 การเต้น แม่ครูราตรีศรีวิไลได้เชิญวิทยากรที่มีความชำนาญในการเต้นมาฝึกสอนให้กับลูกศิษย์ แต่มีการควบคุมการสอนโดยแม่ครูราตรีศรีวิไล เพราะต้องมีการคัดเลือกเอาเฉพาะท่าเต้นที่เหมาะสมกับการลำเท่านั้น
2.3.2 ท่าฟ้อน (รำ) ประกอบการลำ แม่ครูราตรีศรีวิไลเป็นคนประดิษฐ์ท่าฟ้อนและสอนด้วยตนเอง ทั้งท่าฟ้อน (รำ) ประกอบลำกลอนและลำกลอนประยุกต์ (ลำซิ่ง)
2.4 ฝึกร้องเพลงต่าง ๆ โดยเฉพาะเพลงลูกทุ่งยอดนิยม เพลงใหม่ ๆ ที่คาดว่าจะมีผู้ขอให้ร้องตามคำขอ หรือเป็นเพลงสำหรับผู้ชม
2.4.1 แนะนำให้ลูกศิษย์ฝึกตามสื่อ วิทยุ โทรทัศน์ ซีดี วีซีดี และสื่อต่าง ๆ ตามความสะดวกที่จะเรียน โดยเฉพาะเพลงลูกทุ่งยอดนิยม หรือบางเพลงแม่ครูราตรีศรีวิไล ก็แต่งขึ้นใหม่ ๆ เพื่อให้ลูกศิษย์เตรียมไว้จัดตามคำขอของผู้ชม
2.5 ฝึกกิริยามารยาททางปฏิบัติตนทั้งบนเวทีและโดยทั่วไปในฐานะนักแสดงพึงมี เพื่อสร้างความนิยมให้แก่ตนเอง
2.5.1 การฝึกออกเสียง ต้องใช้เวลาในการฝึกฝนและมีความอดทนพยายามให้ถูกต้องตามวิธีที่ครูสอน
2.5.2 การถนอมเสียง รักษาสุขภาพ พักผ่อนตามความเหมาะสม ไม่รับประทานอาหารที่เป็นของแสลง เช่น อาหารรสมันจัด น้ำเย็นจัด เครื่องดองของเมา หรือตามที่ครูผู้สอนสั่งห้าม
2.5.3 ลูกคอขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ของผู้เรียนและต้องมีการฝึกฝนอย่างจริงจังให้ได้ตามแบบฉบับที่ครูสอนให้
2.5.4 ฝึกออกเสียงให้ไพเราะถนอมเสียงให้เสียงดีและเล่นลูกคอให้เหมาะสม
2.6 ฝึกการบริหาร ทั้งการบริหารคน บริหารเวลาที่เจ้าภาพนัดหมาย การปกครองคณะหมอลำที่รับผิดชอบ
2.6.1 ฝึกให้รู้การบริหารตนเอง และการปกครองหมู่คณะหมอลำที่ตนรับผิดชอบ โดยให้ทุกเข้าใจหน้าที่การงานของตนเอง และไม่ก้าวก่ายหน้าที่ของผู้อื่น
2.6.2 ฝึกให้ลูกศิษย์รู้จักคุณค่าของเวลา โดยเฉพาะเวลาการรอคอยของเจ้าภาพซึ่งเป็นกลุ่มคนจำนวนมาก ที่รอคอยนักแสดงซึ่งเป็นกลุ่มคนจำนวนน้อย เราควรบริหารเวลาให้ถูกต้องตรงตามที่เจ้าภาพตกลงนัดหมาย
2.7 ฝึกแต่งกลอนลำและการพลิกแพลงการลำสด การด้นกลอนการประดิษฐ์ท่าเต้นต่าง ๆ
2.7.1 การฝึกแต่งกลอนลำต้องมีความรู้รอบด้าน รวมทั้งรู้จักสุนทรียภาพในกลอนลำ ต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจในภาษาถิ่นอีสานก่อนต้องพูดภาษาอีสานให้ได้และต้องรู้จักเนื้อหาสาระของกลอนลำเป็นอย่างดี เพื่อจะใช้ในการแต่งกลอนลำ เนื้อหาของกลอนลำที่จะนำมาแต่ง หาได้จากการสังเกต เหตุการณ์ปัจจุบัน สิ่งรอบตัวเป็นต้น
2.7.2 การพลิกแพลงการลำ ต้องมีพรสวรรค์ด้วยตนเองและหาประสบการณ์ มีการค้นคว้าศึกษาจากหนังสือต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแต่งกลอนลำ
2.7.3 การตีกลอนสด (ด้นกลอน) ต้องฝึกฝนตนเองอยู่สม่ำเสมอ และใส่ใจใฝ่หาความรู้จากครูผู้มีความชำนาญในการตีกลอนสด เพราะการตีกลอนสดมันเป็นความสามารถเฉพาะตัว 2.8 ความแตกต่างของการถ่ายทอดหมอลำระหว่างลำกลอนและลำกลอนประยุกต์ 2.8.1 ลักษณะการถ่ายทอดประเภทลำกลอน
จะเน้นที่จังหวะทำนองลำ เพราะการแสดงลำกลอนใช้ดนตรีประกอบ เฉพาะแคนดวงเดียว จึงต้องเน้นการวางจังหวะทำนองลำให้ระเอียดและสม่ำเสมอ ฟังแล้วสามารถจับใจความได้ และการเอื้อนเสียงจะต้องอาศัยใช้ลมหายใจยาว ๆ สามารถทำให้ผู้ฟังเกิดอารมณ์คล้อยตาม และเกิดสุทรียภาพกับการลำและท่าทางการฟ้อนประกอบการลำจะต้องอ่อนช้อยและสอดคล้องกับทำนองลำ
2.8.2 ลักษณะการถ่ายทอดประเภทลำกลอนประยุกต์(ลำซิ่ง)
จะเน้นที่จังหวะทำนองลำ เพราะการแสดงของหมอลำซิ่ง มีเสียงดนตรีประกอบ หลากหลาย เช่นนำเอาดนตรีสากลอาทิ เบส กีตาร์ อิเล็คโทน กลองชุด เป็นต้น มาผสมผสานกับดนตรีอีสานไทย (ดนตรีพื้นบ้าน) เช่น พิณ ซอ โหวด โปงลาง สามารถนำมาผสมผสานกัน เป็นดนตรีประกอบลำกลอนประยุกต์(ลำซิ่ง) ได้จึงทำให้เพิ่มความสนุกสนานเร้าใจ ทำให้ผู้ชมผู้ฟัง เกิดสุทรียภาพกับเสียงดนตรีมากขึ้น แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ “แคน” ซึ่งถือว่าเป็นแม่เสียงของดนตรีประกอบลำกลอนประยุกต์(ลำซิ่ง) ส่วนผู้ลำจะต้องเน้นการวางจังหวะทำนองลำให้เร็วและเร้าใจ แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ของกลอนลำไว้ ตามหลักสูตรการเรียนการสอน โดยแม่ครูราตรีศรีวิไล ได้จัดหลักสูตรทั้งลำกลอนและลำซิ่งไว้ครบสมบูรณ์ การแสดงลำกลอนประยุกต์(ลำซิ่ง) อาจจะไม่ระเอียดอ่อนเหมือนการแสดงลำกลอน แต่สามารถ ทำให้ผู้ฟังเกิดอารมณ์คล้อยตาม กับสุทรียภาพสุทรียภาพด้านดนตรี และท่าทางการแสดงประกอบการลำ ในรูปแบบครึกครื่นเร้าใจ
2.8 การฝึกกิริยามารยาท
การฝึกกิริยามารยาทการปฏิบัติตนทั้งบนเวทีและโดยทั่วไปในฐานะนักแสดงพึงมี แม่ครูราตรีศรีวิไล ได้สอนจรรยาบรรณให้ลูกศิษย์เข้าใจในการเป็นนักแสดงที่ดีและนำไปปฏิบัติ เริ่มจากการอยู่รวมกันเป็นหมู่คณะต่อเพื่อนลูกศิษย์ด้วยกันและกับครูผู้สอน ในแหล่งเรียนรู้ฯ รวมทั้งการต้อนรับแขกผู้มาเยี่ยมชมศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล ตลอดจนการแสดงบนเวที ควรปฏิบัติตนโดยการใช้กิริยาท่าทางในการอ่อนน้อมถ่อมตน สอนให้ลูกศิษย์รู้จักถือพรหมวิหารไว้เป็นหลักในการแก้ปัญหา และเป็นผู้มีสติปัญญามีความรอบครอบอยู่ตลอดเวลา
2.9 การอบรมลูกศิษย์ให้เข้ากับสังคมและสิ่งแวดล้อม
อบรมด้านคุณธรรม จริยธรรม โดยทางตรงและทางอ้อม ทางตรงคือสอนให้รู้จักการมีสัมมาคารวะและกตัญญูรู้คุณ ต่อผู้มีพระคุณอาทิ คุณบิดามารดา และครูบาอาจารย์ และซื่อตรงต่อหน้าที่การงานที่ตนทำ ไม่เอาเปรียบเจ้าภาพรวมทั้งรักษากิริยามารยาท และรู้จักการลบหลีกต่อการเกิดปัญหาหน้าเวที หรือให้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยใช้หลักธรรมเข้าแก้ปัญหา เพราะส่วนมากผู้สร้างปัญหาหน้าเวที มักจะมีแต่กลุ่มคนเมา ส่วนสอนทางอ้อมให้ลูกศิษย์เรียนรู้จากกลอนลำที่แต่งและจัดลงในหลักสูตรโดยมีกลอนสร้างสรรค์สังคมในด้านต่าง ๆ สอดแทรกไว้ตลอด
3. การประเมินผลการเรียนการสอน
การประเมินการเรียนการสอนในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล มีการประเมินอยู่ด้วยกัน 2 แบบคือ แบบเรียนประจำ และแบบเรียนทางไปรษณีย์
1. การประเมินแบบเรียนประจำ มีขั้นตอนดังนี้
1.1 ให้กลอนลำไปฝึกลำตามเนื้อกลอนลำที่มอบหมายให้จนสามารถจำกลอนลำได้
1.2 จำกลอนลำได้แล้วให้ลำให้ครูฟังจนครบทุกบทกลอนใน (1 ยก) ให้ได้ตามหลักสูตรการเรียนการสอนหมอลำ
1.3 หากครูประเมินว่าผ่านและลำได้ดีตามหลักสูตรหมอลำที่ไปฝึกซ้อมนั้นก็จะหางานให้ออกปฏิบัติแสดงจริงเป็นของตัวเองต่อไป
ดังนั้นการเรียนการสอนหมอลำแบบเรียนประจำ จะได้คุณภาพและประสบความสำเร็จมากกว่า เพราะว่าครูมีเวลาดูแลชี้แนะแนวทางหรือฝึกซ้อมมากกว่า
2. การประเมินแบบเรียนทางไปรษณีย์ มีขั้นตอนดังนี้
2.1 ฝึกลำตามเนื้อกลอนลำที่มอบหมายให้ ส่งไปทางไปรษณีย์
2.1.1 มีหนังสือคู่มือเป็นบทกลอนลำตามหลักสูตร (1 ยก)
2.1.2 เทปหรือซีดีทำนองลำ (ท่องจำได้ตามทำนองแล้วเข้ามาฝึกปฏิบัติจริงกับครูด้านฟ้อนหรือท่าทางประกอบลำ) เข้ามาประมาณเดือนละ1 ครั้งเป็นอย่างน้อย
2.1.3 หลังจากนั้นก็เป็นการสอบโดยขึ้นปฏิบัติจริงบนเวที ถ้าผ่านก็รับงานให้ออกแสดงเป็นงานของตัวเอง
ดังนั้นการเรียนทางไปรษณีย์ (เรียนด้วยตนเอง) จะได้คุณภาพและประสบความสำเร็จน้อย แต่ได้ปริมาณกลุ่มผู้เรียนมากขึ้น เพราะการเรียนทางไปรษณีย์ เป็นการอำนวยความสะดวก จึงเป็นการเผยแพร่ได้รวดเร็ว
แก้ไข
ด้านการแต่งกลอนลำ
การแต่งกลอนลำของแม่ครูราตรี ศรีวิไลนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเน้นการแต่งกลอนลำให้มีสุนทรียภาพ ผู้วิจัยจึงได้ทำการวิเคราะห์สุนทรียภาพของการแต่งกลอนลำโดยใช้แนวคิดการวิเคราะห์สุนทรียภาพของ ราตรีศรีวิไล บงสิทธิพร (2554) เป็นแนวทางใน 3 ประเด็นดังนี้
1. สุนทรียภาพของการแต่งกลอนลำ
1.1 ด้านเนื้อหากลอนลำ
1.2. ด้านรูปแบบและฉันทลักษณ์ของกลอนลำ
1.3. ด้านศิลปะในการใช้ถ้อยคำ
โดยเนื้อหากลอนลำที่ผู้วิจัยนำมาวิเคราะห์ คือ กลอนลำ ไหว้ครูลำกลอนชาย เป็นทำนองลำทางสั้น ใช้ในการไหว้ครูของหมอลำชาย ดังต่อไปนี้
ชื่อกลอนลำ : ไหว้ครูลำกลอนชาย
ชื่อผู้แต่ง : ราตรี ศรีวิไล
ทำนอง : ลำทางสั้น
(กอลนขึ้น)
โอละนอ..
จั่งสาธุสาผู้ข้า ขอบูชาคุณพระรัตนตรัย
พร้อมด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ทรงสถิต อยู่พื้นแผ่นโลกา
คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ ให้มากุ้มเหลื่อมงำ
ผู้ข้าลำบนเวที อย่างได้มีแนวคา
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในโลกา ให้มากุ้มหุ้มห่อ ใน.. (วัน – คืน) นี้..
(บท 1)
ละแม่นว่าเด้อนาย.. สาธุสา จั่งว่าสาธุเด้อ
อภิวันทาน้อม จอมใจแก้วแก่น
คุณพระยกใส่เกล้า กวมกุ้มใส่เศียร
(บท 2)
ทุกสิ่งเผี่ยน ก้มกราบวันทา
คุณครูบาอาจารย์สอน ให้ส่งพรซูค้ำ
ผู้ข้าลำวันนี้ เวทีสนามข่วง
ปวงนั้นเด่อ ปวงประชาไพร่ฟ้า ทั้งพื้นแผ่นไตร
(บท 3)
ยามเมื่อผู้ข้าได้ ออกกล่าวกลอนแถลง
ขอให้แปลงยอยก เหลื่อมงำกวมกุ้ม
กับพระภูมิสภานที่ เฮือนซานบ้านช่อง
ผู้ข้าปองกล่าวเว้า ประนมไหว้ทั่วแดน
(บท 4)
ตลอดโขงแม่นแว่นแคว้น แดนด่านเทวา
เทวดาอินทร์พรหม ให้ซอยปองปุนป้อง
นำสมองของข้า ปัญญาดีกล้ากลั่น
ขอเชิญคุณทุกชั้น ให้มากุ้มเหลื่อมงำ
(บท 5)
จนตลอดเด้อละแม่นทุกก้ำ บาดเขาใส่มนต์ยำ
สาธุเด้อ..ขอให้กรรมเวรถึง แล่นตำคนนั้น
ขอเซิญขันครูอ้อ ยอมือกุ้มเหลื่อม
ให้มาเทียมป่องท้าง ยามข้าซิว่าไป
(บท 6)
ครูราตรีผู้ข้าขอยกไว้ เสมือนร่มโพธิ์ทอง
ให้สมองของผม เลื่อนปานหมากตูมกลิ้ง
ให้คนแลตาสิ้ง เงยคอลืมเมื่อย
พอปานเหมือยหมอกย้อย ฮำพื้นแผ่นทะลัง
(บท 7)
อีกอันหนึ่งยามข้าผิดพลาดพลั้ง น้อมกล่าวกายกรรม
ผู้ข้าลำทางกาย บ่ถืกครองอภัยด้วย
วจีกรรมยามข้าวาจาบ่ถืกป่อง
มโนกรรมบ่ถืกครอง บัดห่าคิดโลภเลี้ยว ลุงป้าอย่าซัง
(บท ¬8)
อุดมดีแม่นฤกษ์ตั้งผมได้ผ่านมาเห็น
เป็นเพราะบารมีหลาย จั่งได้มาพานพ้อ
เอาละนอคราวนี้ฟังลำคิดฮ่ำ
(ชื่อตัวเอง) ลำสิเว้าไปหน้าต่อกลอน
บทลง
ต่อกลอนสิไปหน้าต่อกลอน…
1.1 วิเคราะสุนทรียภาพด้านเนื้อหากลอน “ไหว้ครูลำกลอนชาย”
กลอนไหว้ครูลำกลอนชายเป็นกลอนที่ใช้ในการลำไหว้ครูของหมอลำกลอน และหมอลำกลอนประยุกต์ (ลำซิ่ง) จะกล่าวถึงการบูชาครู อาจารย์ เทวดา และ ครูผู้ที่แต่งกลอนลำให้ซึ่งหมอลำหากเวลาขึ้นลำบนเวทีแต่ละครั้งจะต้องมีการลำไหว้ครูก่อนเสมอ เพื่อหาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เพื่อให้เกิดความมีสติเหมือนดังว่ามีครูหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาอยู่เคียงข้างช่วยพาลำอยู่ตลอดเวลา ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
ตารางที่ 20 วิเคราะสุนทรียภาพด้านเนื้อหากลอน “ไหว้ครูลำกลอนชาย”
(กอลนขึ้น)
โอละนอ.. จั่งสาธุสาผู้ข้าขอบูชาคุณพระรัตนตรัย
พร้อมด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ทรงสถิต อยู่พื้นแผ่นโลกา
คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ ให้มากุ้มเหลื่อมงำ
ผู้ข้าลำบนเวที อย่างได้มีแนวคา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในโลกา
ให้มากุ้มหุ้มห่อ ใน.. (วัน – คืน) นี้..
กล่าวถึงการไหว้ครูของหมอลำโดยขอให้พระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมายในโลกนี้ทั้ง พ่อ แม่ ครู อาจารย์ ให้มาช่วยปกป้องคุ้มครองเวลาที่ผมลำอยู่บนเวที อย่าได้มีการลำที่ผิดพลาดและขอให้สิ่งศักดิ์สิทธ์ในโลกนี้มาช่วยคุ้มครองด้วย
(บท 1)
ละแม่นว่าเด้อนาย.. สาธุสา จั่งว่าสาธุเด้อ
อภิวันทาน้อม จอมใจแก้วแก่น
คุณพระยกใส่เกล้า กวมกุ้มใส่เศียร
หลังจากที่ขอขมาแล้วก็ขอยกมือกราบไหว้เหนือศรีษะแสดงถึงการอ่อนน้อมถ่อมตน
(บท 2)
ทุกสิ่งเผี่ยน ก้มกราบวันทา
คุณครูบาอาจารย์สอน ให้ส่งพรซูค้ำ
ผู้ข้าลำวันนี้ เวทีสนามข่วง
ปวงนั้นเด่อ ปวงประชาไพร่ฟ้า ทั้งพื้นแผ่นไตร
สิ่งที่มีอำนาจบารมีทั้งหลายในวันนี้ผมขอกราบไหว้ทั้งหมด และขอพรจากครู อาจารย์ที่เคยสั่งและเคยสอนให้ส่งพรช่วยเหลือด้วย ถึงแม้ว่าจะลำอยู่บนเวทีที่ไหญ่โตต่อหน้าคนมากมายก็ตามก็ขออย่าได้ลำผิดพลาดทั้งสิ้น
(บท 3)
ยามเมื่อผู้ข้าได้ ออกกล่าวกลอนแถลง
ขอให้แปลงยอยก เหลื่อมงำกวมกุ้ม
กับพระภูมิสภานที่ เฮือนซานบ้านช่อง
ผู้ข้าปองกล่าวเว้า ประนมไหว้ทั่วแดน และหากลำกลอนเปิดตัวไปแล้วก็ ขอให้ท่านแปลงกายมานั่งอยู่ข้าง ๆ ช่วยพาลำ ไม่ว่าจะเป็นพระภูมิเจ้าที่ เจ้าบ้าน ก็ขอให้ท่านช่วยเหลือด้วย พร้อมพนมมือกราบไหว้ท่านที่อยู่ทั่วทุกหนทุกแห่งอีกครั้ง
(บท 4)
ตลอดโขงแม่นแว่นแคว้น แดนด่านเทวา
เทวดาอินทร์พรหม ให้ซอยปองปุนป้อง
นำสมองของข้าปัญญาดีกล้ากลั่น
ขอเชิญคุณทุกชั้นให้มากุ้มเหลื่อมงำ
ทั่วทั้งโขงที่กว้างใหญ่ไพรศาล ทั้งบนทรวงสวรรค์ชั้นฟ้า ขอให้เทวดา พระอินทร์ ท่านช่วยปกปักรักษา และช่วยเสริมปัญญาให้คล่องแคล้วในการลำจึงขอเชิญท่านเทวดาทั้งหลาย มาเนรมิตรพร อันประเสริฐและหนุนนำด้วย
(บท 5)
จนตลอดเด้อละแม่นทุกก้ำบาดเขาใส่มนต์ยำ
สาธุเด้อ..ขอให้กรรมเวรถึง แล่นตำคนนั้น
ขอเซิญขันครูอ้อ ยอมือกุ้มเหลื่อม
ให้มาเทียมป่องท้าง ยามข้าซิว่าไป ถึงแม้ว่ามีผู้ที่คิดปองร้ายได้เป่ามนต์คาถามใส่ก็ขอให้แคล้วคลาดจากภัยเหล่านี้ ขอใหเวรกรรมนั้นย้อนกลับไปตกที่เขาเหมือนเดิม ขอถวายท่านด้วยเครื่องเส้น (คายอ้อ)ขอให้ท่านเข้ามา “ทรง”(เทียม) หากเวลาที่กล่าวลำอย่าได้ผิดพลาดและให้สิ่งที่กล่าวออกไปนั้นศักดิ์สิทธิ์ด้วย
(บท 6)
ครูราตรีผู้ข้าขอยกไว้ เสมือนร่มโพธิ์ทอง
ให้สมองของผม เลื่อนปานหมากตูมกลิ้ง
ให้คนแลตาสิ้ง เงยคอลืมเมื่อย
พอปานเหมือยหมอกย้อย ฮำพื้นแผ่นทะลัง
ขอเทิดทูลแม่ครูราตรีไว้ เหมือนร่มโพธิ์ทองที่คอยส่งแรงใจมาให้ผมตลอดเวลา และให้สมองของผมนั้นไหลลื่นเหมือนลูกมะตูมที่มีผิวที่เกลี้ยง รวมไปถึงให้ผู้คนที่มาชมการแสดงได้จ้องมองดูอย่งไม่เหน็ดเหนื่อยเหมือนน้ำหมอกตกลงพื้น
(บท 7)
อีกอันหนึ่งยามข้าผิดพลาดพลั้ง น้อมกล่าวกายกรรม
ผู้ข้าลำทางกาย บ่ถืกครองอภัยด้วย
วจีกรรมยามข้าวาจาบ่ถืกป่อง
มโนกรรมบ่ถืกครอง บัดห่าคิดโลภเลี้ยว ลุงป้าอย่าซัง ถ้าหากแม้ว่าพลาดพรั้งทางร่างกายไม่ว่าเหตุอันใดก็ตามผู้ลำก็ขอโทษท่านด้วยรวมไปถึง คำพูดที่ไม่สุภาพและจิตใจที่คิดไม่ดีต่าง ๆ นา ๆ อาจจะเกิดความคิดโลภบ้าง หรืออะไรก็ตามก็ขอให้ลุง และป้า นั้นอย่างได้โกรธเคืองเลย
(บท ¬8)
อุดมดีแม่นฤกษ์ตั้งผมได้ผ่านมาเห็น
เป็นเพราะบารมีหลายจั่งได้มาพานพ้อ
เอาละนอคราวนี้ฟังลำคิดฮ่ำ
(ชื่อตัวเอง) ลำสิเว้าไปหน้าต่อกลอน
บทลง
ต่อกลอนสิไปหน้าต่อกลอน…
หากแม้ว่าฤษกงามยามดีคราใดตัวผมนั้นได้ผ่านมาเห็นท่านอีกครั้ง ก็อาจจะเป็นเพราะบุยวาสนาหรือมีบุญต่อกัน คงจะเพียงพอเท่านี้ก่อน ในการลำคราวนี้ พอสมควรแล้วผู้ลำ จะได้ขอกล่าวกลอนอื่นต่อไป
1.2 วิเคราะสุนทรียภาพด้านรูปแบบฉันทลักษณ์กลอน“ไหว้ครูลำกลอนชาย”
กลอนไหว้ครูลำกลอนชายมีทั้งหมด 8 บท แบ่งได้เป็น 3 ตอน คือ กลอนขึ้น “โอละนอ” เนื้อในกลอน และกลอนลง ฉันทลักษณ์เป็นกลอนเยิ้นแต่ละบทประกอบด้วย 4 วรรค คือ วรรคที่ 1 ถือ วรรคที่ 4 และมี 2 วรรค คือ วรรคที่ 3 และวรรคที่ 4 เพียง 1 บทเท่านั้น มีสัมผัสระหว่างวรรค และระหว่างบทเกือบทุกแห่ง รายละเอียดดังต่อไปนี้
ตารางที่ 21 วิเคราะสุนทรียภาพด้านรูปแบบฉันทลักษณ์กลอน“ไหว้ครูลำกลอนชาย”
(กอลนขึ้น)
โอละนอ..
จั่งสาธุสาผู้ข้าขอบูชาคุณพระรัตนตรัย
พร้อมด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ที่ทรงสถิต อยู่พื้นแผ่นโลกา
คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์
ให้มากุ้มเหลื่อมงำ
ผู้ข้าลำบนเวที อย่างได้มีแนวคา
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในโลกา
ให้มากุ้มหุ้มห่อ ใน.. (วัน – คืน) นี้.. ตอนที่ 1 เป็นกลอนขึ้น
แบ่งเป็น 3 ตอนคือ
คำขึ้น
“โอละนอ”
เนื้อในกลอนของกลอนขึ้นมีฉันทลักษณ์เป็นกลอนฮ่าย
มีสัมผัสนอกระหว่างคำสุดท้ายของวรรคหน้า กับคำใดคำหนึ่งในครึ่งแรกของวรรคถัดไป
คำลง
“ในวันนี้ คือนี้”
(บท 1)
ละแม่นว่าเด้อนาย.. สาธุสา จั่งว่าสาธุเด้อ
อภิวันทาน้อม จอมใจแก้วแก่น
คุณพระยกใส่เกล้า กวมกุ้มใส่เศียร
เป็นกลอนเยิ้น มี 2 วรรค คือ วรรคที่ 3 และวรรคที่ 4
มีเฉพาะสัมผัสใน คือ น้อม สัมผัสกับ จอม
เศียร ในวรรคที่ 4 สัมผัสกับ เผี่ยน ในบทถัดไป
(บท 2)
ทุกสิ่งเผี่ยน ก้มกราบวันทา
คุณครูบาอาจารย์สอน ให้ส่งพรซูค้ำ
ผู้ข้าลำวันนี้ เวทีสนามข่วง
ปวงนั้นเด่อ ปวงประชาไพร่ฟ้า ทั้งพื้นแผ่นไตร
เป็นกลอนเยิ้น มี 4 วรรค คือ
ทา ในวรรคที่ 1 สัมผัสกับ บา ในวรรคที่ 2
ค้ำ ในวรรคที่ 2 สัมผัสกับ ลำ ในวรรคที่ 3
ข่วง ในวรรคที่ 3 สัมผัสกับ ปวง ในวรรคที่ 4
ไตร ในวรรคที่ 4 สัมผัสกับ เผี่ยน ในบทถัดไป
(บท 3)
ยามเมื่อผู้ข้าได้ ออกกล่าวกลอนแถลง
ขอให้แปลงยอยก เหลื่อมงำกวมกุ้ม
กับพระภูมิสภานที่ เฮือนซานบ้านช่อง
ผู้ข้าปองกล่าวเว้า ประนมไหว้ทั่วแดน เป็นกลอนเยิ้น มี 4 วรรค คือ
แถลง ในวรรคที่ 1 สัมผัสกับ แปลง ในวรรคที่ 2
กุ้ม ในวรรคที่ 2 สัมผัสกับ ภูมิ ในวรรคที่ 3
ช่อง ในวรรคที่ 3 สัมผัสกับ ปอง ในวรรคที่ 4
แดน ในวรรคที่ 4 สัมผัสกับ แคว้น ในบทถัดไป
(บท 4)
ตลอดโขงแม่นแว่นแคว้น แดนด่านเทวา
เทวดาอินทร์พรหม ให้ซอยปองปุนป้อง
นำสมองของข้าปัญญาดีกล้ากลั่น
ขอเชิญคุณทุกชั้นให้มากุ้มเหลื่อมงำ
เป็นกลอนเยิ้น มี 4 วรรค คือ
วา ในวรรคที่ 1 สัมผัสกับ ดา ในวรรคที่ 2
ป้อง ในวรรคที่ 2 สัมผัสกับ มอง ในวรรคที่ 3
กลั่น ในวรรคที่ 3 สัมผัสกับ ชั้น ในวรรคที่ 4
งำ ในวรรคที่ 4 สัมผัสกับ ยำ ในบทถัดไป
(บท 5)
จนตลอดเด้อละแม่นทุกก้ำบาดเขาใส่มนต์ยำ
สาธุเด้อ..ขอให้กรรมเวรถึง แล่นตำคนนั้น
ขอเซิญขันครูอ้อ ยอมือกุ้มเหลื่อม
ให้มาเทียมป่องท้าง ยามข้าซิว่าไป เป็นกลอนเยิ้น มี 4 วรรค คือ
ยำ ในวรรคที่ 1 สัมผัสกับ กรรม ในวรรคที่ 2
นั้น ในวรรคที่ 2 สัมผัสกับ ขัน ในวรรคที่ 3
เหลื่อม ในวรรคที่ 3 สัมผัสกับ เทียม ในวรรคที่ 4
ไป ในวรรคที่ 4 สัมผัสกับ ไว้ ในบทถัดไป
(บท 6)
ครูราตรีผู้ข้าขอยกไว้ เสมือนร่มโพธิ์ทอง
ให้สมองของผม เลื่อนปานหมากตูมกลิ้ง
ให้คนแลตาสิ้ง เงยคอลืมเมื่อย
พอปานเหมือยหมอกย้อย ฮำพื้นแผ่นทะลัง
เป็นกลอนเยิ้น มี 4 วรรค คือ
ทอง ในวรรคที่ 1 สัมผัสกับ มอง ในวรรคที่ 2
กล้อง ในวรรคที่ 2 สัมผัสกับ สิ้ง ในวรรคที่ 3
เมื่อย ในวรรคที่ 3 สัมผัสกับ เหมือย ในวรรคที่ 4
ลัง ในวรรคที่ 4 สัมผัสกับ พลั้ง ในบทถัดไป
(บท 7)
อีกอันหนึ่งยามข้าผิดพลาดพลั้ง น้อมกล่าวกายกรรม
ผู้ข้าลำทางกาย บ่ถืกครองอภัยด้วย
วจีกรรมยามข้าวาจาบ่ถืกป่อง
มโนกรรมบ่ถืกครอง บัดห่าคิดโลภเลี้ยว ลุงป้าอย่าซัง เป็นกลอนเยิ้น มี 4 วรรค คือ
กรรม ในวรรคที่ 1 สัมผัสกับ ลำ ในวรรคที่ 2
ในวรรคที่ 2 ไม่มีสัมผัส
ป่อง ในวรรคที่ 3 สัมผัสกับ ครอง ในวรรคที่ 4
ซัง ในวรรคที่ 4 สัมผัสกับ ตั้ง ในบทถัดไป
(บท ¬8)
อุดมดีแม่นฤกษ์ตั้งผมได้ผ่านมาเห็น
เป็นเพราะบารมีหลายจั่งได้มาพานพ้อ
เอาละนอคราวนี้ฟังลำคิดฮ่ำ
(ชื่อตัวเอง) ลำสิเว้าไปหน้าต่อกลอน
บทลง
ต่อกลอนสิไปหน้าต่อกลอน…
เป็นกลอนเยิ้น มี 4 วรรค คือ
เห็น ในวรรคที่ 1 สัมผัสกับ เป็น ในวรรคที่ 2
พ้อ ในวรรคที่ 2 สัมผัสกับ นอ ในวรรคที่ 3
ฮ่ำ ในวรรคที่ 3 สัมผัสกับ ลำ ในวรรคที่ 4
บทลง
กลอน สัมผัสกับคำว่า กลอน
แผนผังแสดงรูปแบบและฉันทลักษณ์ของกลอนทางสั้น
ตารางที่ 22 แผนผังแสดงรูปแบบและฉันทลักษณ์ของกลอนทางสั้น
ชนิดของกลอน แผนผังคำประพันธ์ ตัวอย่างคำประพันธ์
ตอนต้น
หรือกลอนขึ้น
ลำทางสั้น O OO
O2 O2O1
OO OO2
OO1 OO
OOO2 OO
OOO OO
O1O2 O2
O OO O O โอ ละนอ
ลม พานต้อง
ใบตอง ขูย่าว
สาวตื่น ตกใจ
คิดอาลัย นำแฟน
ผูหนี้ไป ไกลแดน
อยู่ย้าว ย้าว
โอ ละนอ นวล เอย
(สำเร็จ คำโมง, 2537)
ตอนกลางหรือตอนเนื้อหาของลำทางสั้น
ประเภทกลอนตัด OOO2 O2O1OO
OOOOO OOO1O1
O1OO1OO2 OOOO1O
O2OO1OO2 O1OO1O1 ฟังเด้อเจ้า คุณพ่อศรัทธา
หลานสิพรรณา ของดีแต่เก่า
บ่อึดบ่อนสิเว้า ฟังเอาโลดพ่อตา
มีหลายที่เอามา ให้พาเว้าต่อ
ตอนกลางหรือตอนเนื้อหาของลำทางสั้นประเภทกลอนเยิ้น OO2O2 OO1OO
OOO1O1O2 O1OOO2
O1O1OOO2 OOO1O1
O1OOOO2 O2O2OO เสียงฟ้าฮ้อง ใจหย่อคึดหลาย
คึดฮอดแต่พี่ชาย ห่างหายไกลเว้น
ซ่างบ่เห็นใจน้อง คองคอยถ่าพี่
แม่นอีหลี่ติอ้าย ลืมน้องผู้คอย
ตอนปลายหรือกลอนลงของลำทางสั้น O OO
O2O2 OO1
OO O2 สี นานวล
ซ้วนน้อง ซะก่อน
ซิลง แล้ว
1.3 วิเคราะสุนทรียภาพด้านเนื้อหากลอน“ไหว้ครูลำกลอนชาย”
ถ้อยคำที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นการวิงวอนขอพรจาก เทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และผู้มีพระคุณเพื่อให้สิ่งเหล่านี้ มาช่วยเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ให้มีสมาธิในขณะที่ลำ ทำให้ผู้ฟัง ฟังแล้วเหมือนกับมีมนต์ขลัง น่าเกลงขามในเนื้อกลอนลำเพราะเนื้อหาส่วนใหญ่จะกล่าวถึงสิ่งที่มีอำนาจเหนือธรรมชาติทั้งสิ้น ดังรายละเอียดต่อไปนี้
ตารางที่ 23 วิเคราะสุนทรียภาพด้านเนื้อหากลอน“ไหว้ครูลำกลอนชาย”
(กอลนขึ้น)
โอละนอ.. จั่งสาธุสาผู้ข้าขอบูชาคุณพระรัตนตรัย
พร้อมด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ทรงสถิต อยู่พื้นแผ่นโลกา
คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ ให้มากุ้มเหลื่อมงำ
ผู้ข้าลำบนเวที อย่างได้มีแนวคา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในโลกา
ให้มากุ้มหุ้มห่อ ใน.. (วัน – คืน) นี้.. ก่อนขึ้นลำจะต้องมีการไหว้ครูก่อน เพื่อให้ครู อาจารย์ช่วยปกปักรักษา ถือว่าเป็นประเพณีที่สืบต่อกันมาตั้งแต่โบราณ หมอลำคณะใดจะก่อนขึ้นแสดงลำต้องมีการไหว้ครูก่อนเสมอ
(บท 1)
ละแม่นว่าเด้อนาย.. สาธุสา จั่งว่าสาธุเด้อ
อภิวันทาน้อม จอมใจแก้วแก่น
คุณพระยกใส่เกล้า กวมกุ้มใส่เศียร
การไหว้ครูนั้นต้องพนมมือแล้วยืกมือไหว้เหนือศรีษะ
(บท 2)
ทุกสิ่งเผี่ยน ก้มกราบวันทา
คุณครูบาอาจารย์สอน ให้ส่งพรซูค้ำ
ผู้ข้าลำวันนี้ เวทีสนามข่วง
ปวงนั้นเด่อ ปวงประชาไพร่ฟ้า ทั้งพื้นแผ่นไตร
กราบขอพรอาจารย์ให้ท่านช่วยก่อนขึ้นแสดงลำเพราะจได้มีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ขณะที่แสดงลำอยู่บนเวที และจะทำให้มีความเชื่อมั่นในตนเองหากมีผู้ชมมาดูจำนวนมาก
(บท 3)
ยามเมื่อผู้ข้าได้ ออกกล่าวกลอนแถลง
ขอให้แปลงยอยก เหลื่อมงำกวมกุ้ม
กับพระภูมิสภานที่ เฮือนซานบ้านช่อง
ผู้ข้าปองกล่าวเว้า ประนมไหว้ทั่วแดน การไหว้ครูนั้นสิ่งที่หมอลำจะขอให้ท่านมาช่วยนั้นมักเป็นพระภูมิสถานที่ ที่ปกป้องบ้านเรือน
(บท 4)
ตลอดโขงแม่นแว่นแคว้น แดนด่านเทวา
เทวดาอินทร์พรหม ให้ซอยปองปุนป้อง
นำสมองของข้าปัญญาดีกล้ากลั่น
ขอเชิญคุณทุกชั้นให้มากุ้มเหลื่อมงำ
ตลอดทั้งขอพรจาก เทวดา พระอินทร์ เทพทั้งหลายเหล่านี้จะมาช่วยบันดาลให้ผู้ลำมีสติ สมองลื่นไหล จำบทลำและช่วยเป็นที่พึ่งทางใจด้วย
(บท 5)
จนตลอดเด้อละแม่นทุกก้ำบาดเขาใส่มนต์ยำ
สาธุเด้อ..ขอให้กรรมเวรถึง แล่นตำคนนั้น
ขอเซิญขันครูอ้อ ยอมือกุ้มเหลื่อม
ให้มาเทียมป่องท้าง ยามข้าซิว่าไป ในสมัยก่อนนั้นจะมีการเล่นของ(อวิชา) เสกมนต์ชั่วร้ายใส่กัน หมอลำแต่ลำคนจะต้องมีการป้องกันโดยในกลอนลำจะต้องมีบทแก้มนต์ชั่วร้ายเสมอ โดยจะมีการเตรียมเครื่องเส้นก่อนขึ้นลำด้วย
(บท 6)
ครูราตรีผู้ข้าขอยกไว้ เสมือนร่มโพธิ์ทอง
ให้สมองของผม เลื่อนปานหมากตูมกลิ้ง
ให้คนแลตาสิ้ง เงยคอลืมเมื่อย
พอปานเหมือยหมอกย้อย ฮำพื้นแผ่นทะลัง
เป็นการยกย่องครูผู้แต่งกลอนลำ คือ ครูราตรี ที่ท่านได้แต่งกลอนลำให้ใช้ลำ เพื่อเป็นที่พึ่งทางใจจึงมีการขอพรจากท่านด้วย โดยขอให้สมองลื่นไหลหากเวลาลำ และมีการอุปมาอุปไมยเปรียบเทียบ“สมอง” เหมือน “มะตูม” ที่เกลี้ยงเกล่าและลื่นไหล
(บท7)
อีกอันหนึ่งยามข้าผิดพลาดพลั้ง น้อมกล่าวกายกรรม
ผู้ข้าลำทางกาย บ่ถืกครองอภัยด้วย
วจีกรรมยามข้าวาจาบ่ถืกป่อง
มโนกรรมบ่ถืกครอง บัดห่าคิดโลภเลี้ยว ลุงป้าอย่าซัง และสิ่งที่พลาดไม่ได้เวลาลำจะต้องมีการขอโทษขออภัยทางด้านร่างกาย ทางด้านคำพูดที่บางคำไม่สุภาพ และทางด้านความคิดหลาย ๆ เรื่อง เพราะหมอลำกลอนย้อนยุกต์(ลำซิ่ง) ก็มีคำแสลง(คำยาบ)อยู่เป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่ผิดอันใดเพราะถือว่าเป็นการแสดง แต่ก็ไม่ควรมากเกินไป
(บท ¬8)
อุดมดีแม่นฤกษ์ตั้งผมได้ผ่านมาเห็น
เป็นเพราะบารมีหลายจั่งได้มาพานพ้อ
เอาละนอคราวนี้ฟังลำคิดฮ่ำ
(ชื่อตัวเอง) ลำสิเว้าไปหน้าต่อกลอน
บทลง
ต่อกลอนสิไปหน้าต่อกลอน… บทสุดท้ายจะเป็นบทสรุปที่ให้ความหวังในการกลับมาอีกครั้ง คือ ถ้าหากมีโอกาสก็จะกลับมาอีกครั้ง และบทลง ก็จะมีกลอนลำต่อไปอีกหลายกลอน
4. กลอนลำเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตของชาวอีสาน
แม่ครูราตรี ศรีวิไลสรรค์สร้างกลอนลำที่มีความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตของชาวอีสาน ได้แก่ ด้านประเพณีและความเชื่อ ด้านการเมืองการปกครอง และด้านการให้การศึกษา โดยการแต่งเป็นกลอนลำเพื่อใช้ในการ รณรงค์ อนุรักษ์ ฟื้นฟู อยู่ตลอดเวลา ดังต่อไปนี้
1. ด้านประเพณีและความเชื่อ
ชาวอีสานแต่อดีตมีความเชื่อเรื่อง เทพ เทวดา ภูตผี บาป บุญ และความเชื่อในเรื่องเหล่านี้ทำให้ชาวอีสานได้นำหลักของพระพุทธศาสนาเข้ามายึดเหนี่ยวจิตใจด้วย และแต่ละพื้นในท้องถิ่นอีสานก็มีวัฒนธรรมที่ต่างกันไปแต่ก็ยังมีความคิดหรือความเชื่อที่เหมือนกันคือต้องหาที่พึ่งทางใจ โดยการขอพรจากเทพยาดา จากสวรรค์คอยช่วยเป็นแรงเสริมในการดำเนินชีวิต จึงเกิดมีการทำบุญประเพณี 12 เดือน หรือเรียกว่า ฮีต 12 ตัวอย่างกลอนลำดังนี้
1. ชื่อกลอนลำ : ฮีตสิบสอง
ผู้แต่ง : ราตรี ศรีวิไล
ชื่อหมอลำ : ราตรี ศรีวิไล
ทำนอง : ทางสั้น
(กลอนขึ้น)
โอ่ละนอ...
ธรรมดาของคนเฮา หว่านแหกะหวังปลา
เฮ็ดนากะหวังข้าว เฮามาลำกะควรเว้า ฝากต้อนของดี
ฮีตสิบสอง เป็นจารีตประเพณี
และประกาศศักดิ์ศรีของดีคนอีสาน
ของพื้นบ้านเฒ่าเก่า..โบราณเค้า
โอ่ละนอ...นวล ๆ เอย
(เนื้อในกลอน)
ละแม่นว่าเด้อนาย
บัดนี้ฉันสิเว้า ฮีตเก่าคองหลัง
ตั้งแต่โบราณเฮา พระรัสษีสอนไว้
แต่สมัยองค์เจ้า โคดมบ่ทันเกิด
ศาสนาพระเจ้า ครวานั้นบ่มี
ชื่อสมมุตธิราชเจ้า พระยาใหญ่ครองเมือง
บ่ได้เคืองแนวใด อยู่เย็นหายฮ้อน
ตอนนั้นทำตามข้อ พระรัสษีสอนสั่ง
ฮีตสิบสองแต่งตั้ง มาเท่าสู่วัน
ฮีตสิบสองคองสิบสี่นี้นั้น ถือมาแต่โบราณ
แต่ลูกหลานบางคน อาจยังบ่ทันฮู้
คอยฟังดูเดอหล้า เยาวชนรุ่นใหม่
เพื่อได้จำจื่อไว้ ไปใช้ต่อกัน
เมืองไทยเฮาซิเจริญได้นั้น ต้องถือฮีตถือคอง
ฮีตสิบสองคือหยัง จ่งฟังเด้อท่าน
ฤดูกาลเดือนอ้าย ทำบุญคูณค่า
พระสงฆ์ทุกถ้วนหน้า เตรียมพร้อมเข้ากรรม
เดือนเจียงนั้น ฟืนถ่านให้จัดหา
หลัวหรือฟืนหามา ใส่เฮือนเตรียมไว้
เตรีมทำบุญหนุนให้เป็นทานโปรยว่าน
บุญคูณลานเพิ่นกะเว้าได้ ถวายข้าวใหม่นำ
บุญคูณค้ำ ของแม่โพสพ
เฮาต้องยอมือนบ ไหว้บุญคุณเจ้า
บูชาคุณเจ้าของข้าว เอาบุญเดือนยี่
เดือนสามบุญข้าวจี่ ปั้นข้าวเหนียวเสียบไม้ ไปย่างจี่ไฟ
ส่วนหนึ่งได้แจกแบ่งทำทาน
เฮ็ดตามเทศกาลระหว่างเดือนสามนี้
ประเพณีเปิงบ้าน โบราณแต่เก่า
แต่ปู่ตาย่าเฒ่า เถิงท่าสู่วัน
เดือนสี่นั้น บุญผาเวสประจำปี
มีการฟังธรรมมะ เทศน์เสียงแซวซ้อง
ตีกลองงันต้ำๆ ฝานดอกโนเกินม่วน
จัดเตรียมมวลดอกไม้ เอาไว้ครบครัน
นิมนต์พระ จากบ้านนี้บ้านนั้น มาเทศน์ครบจบกัณฑ์
เอิ้นว่าบุญผาเวส
หือบุญคาถาพัน ฟังเทศน์สิบสามกัน ทศพรตอนต้น
จนมาถึงตอนท้าย นครกัณฑ์บั้นม่วน
ฮอดเดือนห้าแห่งถ้วน สรงน้ำม่วนเพลิน
หือบุญเนาเพิ่นกะเอิ้น เกินม่วนเหลือหลาย
พวกหญิงชายพากัน ม่วนงันลงเล่น
บ่ว่าเว้นวันมื้อ บ่ถือกันเล่นม่วน
เล่นอีมอนซ่อนผ้า หาได้ต่อยคี ประเพณีเพิ่นเอิ้น ว่าบุญเน่า สงกรานต์
ทานน้ำหอมหดสงฆ์ พุทธปฏิมาท่าน
และสงกรานต์ คนผู้เฒ่าที่เฮาถือเป็นใหญ่
เดือนหกบุญบ้องไฟ จุดถวายปู่เฒ่าองค์เจ้าปู่แถน
คนชาวไทยทุกแคว้น เล่นม้วนชานชม
เอาน้ำหอมหดสงฆ์ พุทธองค์ทรงไว้
ก้ำฝ่ายเหนือหรือใต้ หดสรงพุทธรูป
เดือนเจ็ด จุดเทียนธูป บูชาเทพารักษ์เจ้าคนเฒ่าเพิ่นทำ
ไปบวงสรวงทุกก้ำ ตาปู่ให้ดูหลาน
ให้ฝนตก ตามต้องฤดูกาล ได้ว่านโปรยโฮยกล้า
ปู่แฮกนา จั่ว่าย่าแฮกข้าว เอาบุญคุ้มข่วง
ฮอดเดือนแปด ประชุมสงฆ์ทั้งปวง ทุกอารามทั่วเท่าทรงเข้าพระวัสษา
เข้าพรรษาอยู้ค้ำ ประจำถิ่นไผมัน
ฮอดเดือนเก้าทายกพร้อมใจกัน ป่าวเติมชาวบ้าน
ให้พากันทานข้าว ประดับดินคือว่า
เดือนสิบบุญข้าวสาก พวกชาวบ้านสู่หน้า มาพร้อมทอดทาน
เดือนสิบเอ็ด พระสงฆ์ทุกองค์ท่าน ได้ออกพรรษา
สิ้นปวารณา เฮ็ดบุญกฐินได้
ชาวไทยเฮาทำสร้าง บุญกฐินพร้อมพร่ำ
ทำบุญเกือบสู่บ้าน กฐินสร้างทอดทาน
จิตเบิกบานที่ได้ ทานข้าวใหม่ปลามัน
ได้สังสรรค์สโมสร ฮ่วมบุญโฮมเต้า
รวมโคตรวงถงเหง่า มาเอาบูญยิ่งใหญ่
จุดตะใล บั้งพุดัง ตึ้ม ๆ บ่ลืมเค้าฮีตคอง
เดือนสิบสอง ต้องบูชากราบไหว้ พญานาคอุสู
ผู้ยู้น้ำไว้ให้เฮากิน ผู้ค้ำดินให้เฮาไช้
ฮีตสิบสองสอนไว้ คันผิดตกขออภัย นำผู้ฮู้ใว้ก่อน
ฉันราตรีเขียนกลอน จากตำราฮีตเค้าให้เฮาได้จื่อจำ
(กลอนลง)
ฮิตสิบสองคองคลำ
นำไปสืบสานต่อ
ดอลุงป้า
จากเนื้อหาของกลอนลำสรุปได้ว่า ประเพณีฮีต 12 นั้นก็คือ ประเพณี 12 เดือนที่อยู่คู่กับชาวอีสานมายาวนาน อาจพร้อมกับความเชื่อที่ว่ามี “ปู่สังกะสา ย่าสังกะสี” ก็อาจจะเป็นไปได้แต่ละประเพณีก็ล้วนแล้วแต่มีการทำบุญเข้าวัดกันทั้งสิ้น ทำให้ในแต่ละรอบปีผู้คนได้มีโอกาศเข้าวัดพบปะกัน ภายหลังจากการทำงานกันมาตลอดทั้งปี ประเพณี 12 เดือนนี้ยังช่วยคงอยู่ของวัฒนธรรมของชาวอีสานไม่สูญหายไป และบางจังหวัดยังคงอนุรักษ์สืบสานปฏิบัติตามประเพณี 12 เดือนอยู่ โดยประเพณีสิบสองเดือนนั้นประกอบไปด้วย 1) เดือนเจียง (เดือนอ้าย) ทำบุญเข้ากรรม 2) เดือนยี่ทำบุญคูนลาน (คูณข้าว) 3) เดือนสามทำบุญข้าวจี่ 4) ทำบุญพระเวส5) เดือนห้า ทำบุญขึ้นบ้านใหม่หรือตรุษสงกรานต์ 6) เดือนหก ทำบุญวิสาขบูชามีการเทศน์ตลอดกลางวันและกลางคืน 7) เดือนเจ็ด ทำบุญเทวดาอาฮักษ์หลักเมือง (วีรบุรุษ) 8) เดือนแปดทำบุญเข้าพรรษา 9) เดือนเก้า ทำบุญข้าวประดับดิน 10) เดือนสิบ ทำบุญข้าวสากหรือข้าวสารท (สลากภัตร) 11) เดือนสิบเอ็ด ทำบุญออกพรรษา 12) เดือนสิบสอง ทำบุญกองกฐิน
ทั้ง 12 เดือนนี้แม่ครูราตรี ศรีวิไลได้ถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของกลอนลำทำให้ผู้ฟังได้รู้จักประเพณี 12 เดือนได้ง่ายขึ้น ถือว่าผลงานการแต่งกลอนลำ ฮีตสิบสอง ของแม่ครูราตรี ศรีวิไลนั้น ได้ช่วยอนุรักษ์ประเพณี และความเชื่อของชาวอีสานให้อยู่อย่างยั่งยืนสืบทอดกันเรื่อยมา
2. ด้านการเมืองการปกครอง
บทบาทที่สำคัญอีกอย่างในปัจจุบันคือ การเมืองการปกครอง เพราะการเปลี่ยนแปลงของประเทศจะต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาล และพรรคการเมืองทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นนโยบายหรือโครงการต่าง ๆ ก็จะเกิดขึ้นกับนโยบายของรัฐบาลชุดนั้น ๆ ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ แม่ครูราตรี ศรีวิไลจึงได้ถูกพิจารณาคัดเลือกให้เป็น “สมาชิกสมัชชาแห่งชาติ” จากสำนักงานเลขานุการสภาผู้แทนราษฏร ปี พ.ศ. 2549 และได้แต่งกลอนลำในการรณรงค์ให้คนไทยรักชาติ ปรองดองกัน ตัวอย่างกลอนลำดังนี้
2. ชื่อกลอนลำ : เชิญชวนลงคะแนนออกเสียงประชามติรัฐธรรมนูญ
โครงการ เชิญชวนร่วมลงประชามติรัฐธรรมนูญ
ผู้แต่ง : ราตรี ศรีวิไล
ชื่อหมอลำ : ราตรี ศรีวิไล
ทำนอง : ลำเดินขอนแก่น
(เพลง) สิทธิเสรีคือเรื่องใหญ่ ประชาธิปไตยสิ่งหวงแหน
รัฐธรรมนูญสิ่งเกื้อกูลไทยทั่วแดน สุดที่หวงแหนคือชาติศาสน์กษัตริย์ไทย
กกต. ยุคใหม่สุจริต ทำงานด้วยจิตเที่ยงธรรมและโปร่งใส
19 สิงหา 50 เชิญท่านไป พร้อมอกพร้อมใจประชามติรัฐธรรมนูญ
(ลำ) เพื่อเพิ่มพูนคูณให้ เมืองไทยเฮาเฮืองฮุ่ง
ซ่อยพยุงซ่อยยู้ ซูค้ำซ่อยกัน
โดยวันที่ 19 นั้น ตรงเดือนว่าสิงหาคม
ปีห้าสิบเหมาะสม ได้ฤกษ์งามยามแม่น
ไทยทั่วแดนเหนือใต้ ราชอาณาจักรไทยคงสิฮู้ถ้วนถี่
เป็นครั้งแรกเรื่องนี้ ที่ไทยได้ฮ่วมใจ
สิได้จำจารึกไว้ ประวัติศาสตร์สำคัญ
ไทยเฮาได้ฮ่วมกัน สร้างสรรค์ความดีไว้
(เพลง) ขั้นตอน ประชามติครั้งนี้
ตรวจสอบรายชื่อให้ดี ว่ามีการตกหล่นไหม
ข้อที่ 2 ถือ บัตรประชาชนไป
ข้อ 3 นั้นให้ รับบัตรออกเสียงของตน
ข้อ 4 เข้าคูหา กากบาท
อย่าให้พลาด กาลงตรงช่องอย่าสับสน
เห็นชอบไม่ชอบ กาช่องเดียวตามใจตน
5 อย่าวกวน ต้องพับบัตรด้วยตนเอง
(ลำ) พับเรียบร้อยแล้วฟ้าวเร่ง หย่อนบัตรลงหีบด้วยตนเอง
สิ้นพิธีตามหน้าที่ เข้าใจดีครบถ้วนควรไปเว้าบอกต่อกัน
ว่าวันที่ 19 นั้น เฮามีนัดประชามติ
เดือนสิงหา 50 มื้อดี เป็นฤกษ์งามยามได้
อย่านอนหลับทับสิทธิ์ไว้ ให้เสียไปสูญเปล่า
ใช้สิทธิ์เฮาเทื่อนี้ ผลดีสิยู้ทั่วถิ่นไทย
ก.ก.ต. ขอนแก่นได้ ฝากความเป็นห่วงมาหา
ด้วยสื่อสารเสียงลำมา เชิญฮ่วมประชามติเด้อ....
จากเนื้อหาของกลอนลำสรุปได้ว่า การไปใช้สิทธิ์ของตนเองเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดโดยเฉพาะการไปลงคะแนนออกเสียงประชามติรัฐธรรมนูญ เพราะคนไทยทุกคนถือว่ารัฐธรรมนูญคือ สิ่งที่ทุกคนในชาติยึดถือปฏิบัติร่วมกัน จึงเป็นเหตุให้ต้องได้คนที่มีคุณธรรมเข้าไปบริหารจัดการในส่วนนี้ให้โปร่งใสมากที่สุด โดยวันที่ออกเสียงประชามติรัฐธรรมนูญคือ วันที่ 19 สิงหาคม 2553 ให้ทุกคนไปทำหน้าที่ของตนเองให้สมบูรณ์ และขั้นตอนของการออกไปใช้สิทธิ์นั้นก็ไม่ยุ่งยาก คือ 1) ตรวจสอบรายชื่อว่ารายชื่อของตนเองตกหล่นหรือไม่ 2) แสดงบัตรประจำตัวประชาชน 3) รับบัตรออกเสียง 4) เข้าคูหากากบาท เป็นอันว่าเสร็จสมบูรณ์
เนื้อหาของกลอนลำเชิญชวญลงคะแนนออกเสียงประชามติรัฐธรรมนูญที่แม่ครูราตรี ศรีวิไล แต่งขึ้นนี้มีความสัมพันธ์กับการเมืองการปกครองโดยตรง โดยใช้ภาษาไทยถิ่นอีสานช่วยในการเผยแพร่เชิญชวญในรูปแบบของกลอนลำทำให้ผู้ฟังได้ทราบข้อมูลที่เผยแพร่ ออกไปอย่างชัดเจน ถือว่ากลอนลำนี้ได้ส่งผลต่อชาวอีสานเป็นอย่างมาก ทำให้เห็นคุณค่าของสิทธิและเห็นความสำคัญของเสรีภาพของตนเองมากขึ้นอีกด้วย
3. ด้านการรณรงค์เผยแพร่
แม่ครูราตรี ศรีวิไลได้แต่งกลอนลำเพื่อใช้ในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้กันในรูปแบบของสื่อพื้นบ้าน “กลอนลำรณรงค์” เช่น กลอนชาวอีสานไม่กินปลาดิบ กลอนรณรงค์วิธีป้องกันโรคเอดส์ กลอนลำเต้ยรณรงค์ให้ตรวจเลือดก่อนแต่งงาน กลอนลำรณรงค์ป้องกันอุบัติเหตุจราจรทางบก และรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด เป็นต้น ตัวอย่างกลอนลำดังนี้
3. ชื่อกลอนลำ : รณรงค์ไม่สูบบุหรี่
ชื่อผู้แต่ง : ราตรีศรีวิไล
ชื่อหมอลำ : ราตรีศรีวิไล
ฟังเด้อเจ้าฟังเอาแล้วจื่อ คนเฮาสู่มื้อตายได้ง่ายดาย
สารพิษฮ้ายมีมากหลายปัจจุบัน บ่คือ กันกับคราวแต่หลังปางกี้
คือบุหรี่สมัยเดิมแต่เก่า รุ่นปู่ตาย่าเฒ่าสารร้ายบ่ค่อยมี
สู่มื้อนี้ระวังยากหนักหนา ปลูกผักปลูกยากะต้องมีปุ๋ยช่วย
เติมลงด้วยสารเคมีหลายอย่าง จั่งว่าสารพิษร้ายหลายล้นมากมี
เช่นบุหรี่มีเหลือหลายโทษมันถึงตาย ร้ายแรงจริงน้า
สารทาร์โฮไดคาบอน แซกซอนถึงลมหายใจ
ต่อไปปอดเน่าเป็นหนอง ปอดเป็นถุงลมโปร่งพอง
แล้วเน่าเป็นหนองเรื้อรังกันใหญ่ ระคายเคืองต่อทางเดินหายใจ
ที่สำคัญยิ่งใหญ่ปอดเป็นมะเร็ง
มะเร็งโรคร้ายถึงตาย ทำร้ายร่างกายชีวิน
สารนิโคลตินทำให้หลอดเลือดตีบตัน ฤทธิ์แรงกระตุ้นทุกวัน
ทำให้เสพติดกันร่างกายเต้นตื่น สมองฟุ้งซ่านทั่ววันทั่วคืน
สารนี้หยิบยื่นหัวใจวายได้ถึงตาย
หลายเหลือฮ้ายสารคาร์บอมอน็อคไซต์พิษร้ายยิ่งใหญ่
สารนี้เฮ็ดให้หัวใจเต้นถี่ไวทั้งเฮ็ดให้หัวใจสั่นลืมหลง
สูบแล้วเป็นมึนงงสู่คนสารนี้ มีหลายล้นสารในบุหรี่
ร่วมในบุหรี่บ่ดีแท้ต่อคน
มืดมนสับสนวุ่นวาย มวนเล็กแต่โทษถึงนาย
ทั้งเหม็นน่าหน่าย คนใกล้ละอา
พันคนออกมาแถมมีพิษภัย หมองไหม้อ่อนเพลียเสียคน
วัยรุ่นเยาวชน ติดแล้วเสียคนอนาคตไม่มี
เป็นผีจริงหนา ชีวิตมีค่าอย่าเอาแลกบุหรี่
เงินทองมีเก้บออมไว้ใช้อย่าเผาไหม้ย้อนสิ่งบ่ดี
คันบ่สูบบุหรี่ชีวีสดชื่นแจมใส
จะได้สร้างชาติไทยให้เจริญหน้า
เนื้อหาของกลอนลำสรุปได้ว่า โทษและพิษภัยของบุหรี่มีมากมายหลายอย่างเป็นสาเหตุทำให้สุขภาพร่างกายอ่อนแอ เช่น ก่อให้เกิดโรคมะเร็งปอด ปอดเน่าเป็นหนอง ถุงลมโปร่งพอง ก่อความรำคาญต่อผู้อื่นที่อยู่ใกล้ชิด เพราะบุหรี่มีสาร “ทาร์โฮโทคาบอน” จึงมีอันตรายร้ายแรงต่อสูบโดยตรง ผิดกับสมัยก่อนที่สารต่าง ๆ ที่มาจากบุหรี่อาจจะยังไม่ร้ายแรงและมีความเสี่ยงน้อยกว่าปัจจุบันเพราะสมัยก่อนใช้ใบยาสูบมาทำเป็นเส้น (ยาเส้น) จึงมีสารพิษน้อยกว่าปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่ายุคไหน ๆ บุหรี่ก็ทำให้คนสูบและคนใกล้ชิดเสียงต่อโรคทางเดินหายใจทั้งสิ้น
หากกล่าวถึงกลอนลำของแม่ครูราตรี ศรีวิไลเกี่ยวกับการรณรงค์แล้ว นับว่ามีประโยชน์อยากมากมายอย่างยิ่ง เพราะในเนื้อหากลอนลำได้รวบรวมเอาข่าวสารที่ทำให้พี่น้องชาวอีสานของเราที่รับข้อมูลข่าวสารไม่ทั่วถึง ได้รับรู้ข่าวสารชัดเจนขึ้นและเหมือนมีสื่อการให้ความรู้ได้ศึกษาอยู่ตลอดเวลา ล้วนแล้วถูกถ่ายทอดในรูปแบบของการรณรงค์ ซึ่งอยู่ภายในเนื้อหาของกลอนลำของ
แม่ครูราตรี ศรีวิไลทั้งสิ้น สิ่งเหล่านี้ก็น่าจะพิสูจน์ได้แล้วว่ากลอนลำที่แม่ครูราตรี ศรีวิไลได้แต่งขึ้นในด้านการรณรงค์ได้ช่วยให้ชาวอีสานของเราได้ระวังตัวเองดูแลสุขภาพ มากยิ่งขึ้นส่งผลทำให้กลอนลำรณรงค์ของแม่ครูราตรี ศรีวิไลมีอิทธิพลต่อความเป็นอยู่ในเรื่องต่าง ๆ ของชาวอีสานอยู่ไม่น้อยเลย
ด้านการบริหารจัดการศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล
จากที่ได้กล่าวมาแล้วในบทที่ 2 เกี่ยวกับเรื่องการบริหารจัดการศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล ผู้วิจัยขอยกมาสรุปให้ศึกษาอีกครั้งเพื่อจะได้ประเด็นที่รวบรัดมากขึ้น การบริหารจัดการศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไลได้จัดตั้งขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติต่อกระทรวงศึกษาธิการโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อถ่ายทอดความรู้ของภูมิปัญญาหมอลำโดยตรง เกี่ยวกับแผนงานของศูนย์ ฯ นั้นเพื่อจัดตั้งพิพิธภัณฑ์การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านอีสาน เป็นต้น คณะกรรมการที่ปรึกษามีจำนวนทั้งสิ้น จำนวนทั้งหมด 11 คน วิทยากรและคณะกรรมการดำเนินงาน มีจำนวนทั้งหมด 12 คน ปัจจุบันศูนย์การเรียน ฯ มีผู้เรียนรวมทั้งสิ้น 67 คน ประกอบไปด้วย หมอลำชาย-หญิง หมอแคน และนักดนตรี อื่น ๆ หากรวมตั้งแต่การเปิดศูนย์การเรียน ฯ ตั้งแต่ปี 2547 มาจนถึงปี 2554มีผู้เรียนจำนวนทั้งสิ้น 516 คน ด้านงบประมาณค่าใช้จ่ายต่ำสุดอยู่ที่ 4,000 บาท สูงสุดอยู่ที่ 1,500 บาท ส่วนใหญ่แล้วใช้เป็นค่าดูแลลูกศิษย์ทั้งหมด เป็นค่าผลิตสื่อการเรียนการสอน เป็นต้น เครือข่ายของศูนย์การเรียน ฯ ที่เป็นมหาวิทยาลัยได้แก่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยศิลปกร ฯลฯ เป็นต้น ส่วนโรงเรียนมี โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย โรงเรียนกัลยานวัตร โรงเรียนนครขอนแก่น เป็นต้น
จากการสัมภาษณ์การประเมินการเรียนการสอนหมอลำศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล พบว่า
“เป็นที่น่าพอใจอย่างมาก ลูกศิษย์แม่ครูราตรี ศรีวิไล สามารถแสดงหมอลำได้ดี
และสามารถถ่ายทอดกลอนลำออกมาได้ดีอย่างมีประสบการณ์ และออกงานได้จริง ต่างกับ
การศึกษาในระบบการศึกษาของไทยที่เรียนหลายวิชาไม่เฉพาะเจาะจง นักศึกษาบางคนก็
เรียนไม่เต็มที่และไม่ได้ออกงานแสดง จึงทำให้ไม่มีประสบการณ์ แต่ลูกศิษย์แม่ครู
ราตรี ศรีวิไลสามารถออกงานแสดงตามหมู่บ้านได้โดยการนำทีมโดยแม่ครูราตรี ศรีวิไลเอง จึงเป็นผลดีต่อผู้มาเรียนที่ศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยแห่งนี้ การประเมิลผลวันนี้ถือว่าผ่านไปด้วยดี”
(นายวัลลภ ศรีธรราษฎร์. สัมภาษณ์ : 2554)
สถิติของผู้เรียนในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยแม่ครูราตรี ศรีวิไล ประกอบด้วย ผู้เรียน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 จนถึง ปี พ.ศ.2554 ดังแสดงในตารางดังต่อไปนี้
ตารางที่ 24 สถิติของผู้เรียนในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยแม่ครูราตรี ศรีวิไล ประกอบด้วย ผู้เรียน
ตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 จนถึง ปี พ.ศ.2554
ที่ ปี พ.ศ. ผู้เรียน
หมอลำ
ฝ่ายชาย หมอลำฝ่ายหญิง หมอแคน นักดนตรี
อื่น ๆ รวม
1. 2547 20 20 10 24 74
2. 2548 15 15 8 16 54
3. 2549 15 15 8 16 54
4. 2550 20 17 12 20 69
5. 2551 20 17 12 20 69
6. 2552 20 16 10 15 61
7. 2553 30 15 13 10 68
8. 2554 30 15 12 10 67
ตารางที่ 25 งบประมาณที่ใช้จ่ายตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 ที่ได้ตั้งศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย
แม่ครูราตรี ศรีวิไล จนมาถึงปัจจุบัน ปี พ.ศ. 2554
รายการ ปี พ.ศ.
2547 2548 2549 2550 2551 2552 2553 2554
1. ค่าผลิตสื่อการเรียนการสอนทั้งหมด 10,000 8,000 8,000 9,500 10,000 10,000 14,000 7,000
2. ค่าตอบแทนวิทยากรสอนหมอลำ 8,000 5,000 5,000 8,000 8,000 8,000 9,000 4,500
3. ค่าวิทยากรสอนหางเครื่อง 5,000 4,000 4,000 4,500 5,000 5,000 5,000 2,500
4. ค่าวิทยากรสอนเป่าแคนและดนตรีประกอบหมอลำ 8,000 3,000 3,000 5,000 5,000 5,000 5,000 2,500
5. ค่าตอบแทนนักดนตรีสำหรับซ้อมในการเรียนแต่ละครั้ง 8,000 7,000 7,000 8,000 8,000 8.000 8,000 4,000
6. ค่าเลี้ยงดูลูกศิษย์ทั้งหมด 15,000 13,000 13,000 15,000 15,000 15,000 20,000 10,000
รวม 54,000 40,000 40,000 50,000 51,000 43,008 61,000 30,500
หมายเหตุ : ปี พ.ศ.2554 ใช้งบประมาณในระหว่าง 5 เดือน
จากที่กล่าวมาสรุปได้ว่าชีวิตประวัติและผลงานของแม่ครูราตรี ศรีวิไลนั้นมีประเด็นหลัก ๆที่น่าสนใจศึกษาได้แก่ ด้านชีวิตประวัติ แม่ครูราตรี ศรีวิไล ด้านประวัติการศึกษา แม่ครูราตรี ศรีวิไล ด้านแรงบันดาลใจ ด้านผลงานแม่ครูราตรี ศรีวิไล ด้านจุดเปลี่ยนของหมอลำ ในสังคมไทยอีสาน (อีสาน) ด้านลูกศิษย์ที่ประสบผลสำเร็จในการเรียนหมอลำจากแม่ครูราตรี ศรีวิไล การสอนหมอลำและการแต่งกลอนลำของศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยแม่ครูราตรี ศรีวิไล และด้านด้านการบริหารจัดการศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล ซึ่งจากการศึกษาพอสรุปได้ว่า แม่ครูราตรี ศรีวิไล นั้นเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถวิริยะ อุสาหะ จากการเป็นหมอลำกลอนธรรมดาพัฒนาดังปรับปรุ่ง เปลี่ยนแปลงมาเป็นหมอลำกลอนย้อนยุกต์ (ลำซิ่ง) และได้เป็นนักแต่งกลอนลำที่มีชื่อเสียงในสังคม กลอนลำที่แต่งนั้นมีทั้งผลงานที่แต่งให้ทั้งแม่ครูราตรี ศรีวิไลเอง และลูกศิษย์ได้นำไปแสดงมากมาย และกลอนลำที่ถ่ายทอดออกมานั้นก็มีคุณค่าต่อสังคมทั้งสิ้นช่วยอนุรักษ์วัฒนธรรม จรรโลงใจ ช่วยฟื้นฟูประเพณีของชาวอีสานไม่ให้จางหายไปจากสังคม และรวมไปถึงการพัฒนา เปลี่ยนแปลง และประยุกต์ ศิลปะ วัฒนธรรม ด้านศิลปกรรม (การแสดงพื้นบ้าน – หมอลำซิ่ง) ตลอดมา โดยการจัดตั้งศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยด้านศิลปกรรม (การแสดงพื้นบ้าน–หมอลำซิ่ง) ขึ้นเพื่อใช้ในการสืบสานหมอลำให้แก่เยาวชนและผู้ที่สนใจศึกษาทางด้านหมอลำให้ได้มีโอกาสเข้ามาศึกษาเรียนรู้ตามอัธยาศัย จึงกล่าวได้ว่าแม่ครูราตรี ศรีวิไลนั้นเป็นต้นแบบของชาวอีสานที่แท้จริงและได้ยืนหยัดอยู่บนเวทีของวัฒนธรรมอย่างภาคภูมิใจ