กลอนลำ

หลักสูตรลำกลอน (ชาย)
ยกที่ 1

                                        1กลอน ไหว้อ้อยอครู(ชาย)
                                                ประพันธ์โดย ราตรีศรีวิไล 10  ม.. 2518
(ทำนองลำทางสั้น)
(กอลนขึ้น)
โอละนอ..  
จั่งสาธุสา  ผู้ข้าขอบูชา   คุณพระรัตนตรัย
พร้อมด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์   ที่ทรงสถิต  อยู่พื้นแผ่นโลกา
คุณบิดามารดา  คุณครูบาอาจารย์
ให้มากุ้มเหลื่อมงำ   ผู้ข้าลำบนเวที
อย่าได้มีแนวคา   สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในโลกา
ให้มากุ้มหุ้มห่อ  ใน.. (วัน คืน) นี้..
(บทที่ 1)          ละแม่นว่าเดอนาย..
สาธุสา  จั่งว่าสาธุเดอ
อภิวันทาน้อม  จอมใจแก้วแก่น
คุณพระยกใส่เกล้า  กวมกุ้มใส่เศียร
(บทที่ 2)  ทุกสิ่งเผี้ยน  ก้มกราบวันทา
คุณครูบาอาจารย์สอน  ให้ส่งพรซูค้ำ
ผู้ข้าลำวันนี้   เวทีสนามข่วง
ปวงนั้นเดอ ปวงประชาไพร่ฟ้า  ทั้งพื้นแผ่นไตร
(บทที่ 3)  ยามเมื่อผู้ข้าได้  ออกกล่าวกลอนแถลง
ขอให้แปลงยอยก  เหลื่อมงำกวมกุ้ม
กับพระภูมิสภานที่  เฮือนซานบ้านช่อง
ผู้ข้าปองกล่าวเว้า  ประนมไหว้ทั่วแดน
(บทที่ 4)  ตลอดโขงแม่นแว่นแคว้น แดนด่านเทวา
เทวดาอินทร์พรหม  ให้ซอยปองปุนป้อง
นำสมองของข้า   ปัญญาดีกล้ากลั่น
ขอเชิญคุณทุกชั้น  ให้มากุ้มเหลื่อมงำ
(บทที่ 4)  จนตลอด  เดอละแม่นทุกก้ำ   บาดเขาใส่มนต์ยำ
สาธุเดอ..ขอให้กรรมเวรถึง  แล่นตำคนนั้น
ขอเซิญขันครูอ้อ  ยอมือกุ้มเหลื่อม
ให้มาเทียมป่องท้าง  ยามข้าซิว่าไป
(บทที่ 6)  ครูราตรีผู้ข้าขอยกไว้  เสมือนร่มโพธิ์ทอง
ให้สมองของผม  เลื่อนปานหมากตูมกลิ้ง
ให้คนแลตาสิ้ง  เงยคอลืมเมื่อย
พอปานเหมือยหมอกย้อย  ฮำพื้นแผ่นทะลัง
(บทที่ 7)  อีกอันหนึ่ง  ยามข้าผิดพลาดพลั้ง น้อมกล่าวกายกรรม
ผู้ข้าลำทางกาย   บ่ถืกครองอภัยด้วย
วจีกรรมยามข้า   วาจาบ่ถืกป่อง
มโนกรรมบ่ถืกครอง  บัดห่าคิดโลภเลี้ยว  ลุงป้าอย่าซัง
             (บทที่ ­8)  อุดมดีแม่นฤกษ์ตั้ง   ผมได้ผ่านมาเห็น
เป็นเพราะบารมีหลาย   จั่งได้มาพานพ้อ
เอาละนอคราวนี้   ฟังลำคิดฮ่ำ
(ชื่อตัวเอง) ลำซิเว้าไปหน้าต่อกลอน
  (บทลง)  ต่อกลอน ซิไปหน้าต่อกลอน

                                        2 (เว้า) อันนี้แม่นการไหว้ถวายครูแบบเก่า
แต่ปู่ตาย่าเฒ่าโบราณเค้าเก่ากาล
ยกแรกแฮกหมาน เดินกลอนลงไว้
                                                ในแบบสังวาทปลาดุกเข้าต้อน
สมมุติว่าปลาดุกเต็มต้อน  เสียงมันอั่งออกัน
                                                ดังโหล่ๆๆ  ๆๆๆ ๆๆๆ... จ้าวไปเลยพี่อ้ายหมอแคน
เฮ็ดดากสีแงน ๆหน่ำลงทางย้อน...






                                        3กลอน เดินดงชมดอก
ประพันธ์โดยแม่ครูราตรีศรีวิไล  9.. 2518
(ทำนอง ลำทางสั้น)

(บทที่ 1) พอคราวแล้ว ๆ  ซิเดินดงลัดไล่
เลาะเลียบไพร ซิได้นับดอกไม้ ๆ  ใบต้นอยู่ปน
(บทที่ 2) เลาะเลียบต้น  ชมดอกดวนดก
มีทั้งบกแกมจิก  จีกจีแกมจี้
(บทที่ 3) มีทั้งจำปีพร้อม  ซอมดอกจำปา
สีดาแกมจำปี  หมี่มุยแกมมี้
มีมันต้น   ซมโดนดอกหล่น
กะโดนแกมดอกเป้า  กะเบาซ้อน ป่งซอน ๆ
(บทที่ 4) ดอกกะเบามันมาเกิดซ้อน ซอนหมู่ตูมตัง
                                                ตามนั้นแหล่ว
                                                ตามสะพัง  นี้ละแม่นวังหนอง ๆ  แบ่งบานตามก้าน
มีบานตามต้น  ปนกันถันถี่
มีปิลิดอกแห้ง  แมลงไม้ไต่ตอม
(บทที่ 5) ลมพัดพร้อม  ไกวกิ่งแกมกัน
กกโกแกมกกกุง  ก่ามกวมกุมเกี้ยว
เหลียวไปหน้า   สาขาหลายส่ำ
เลาะไปนำเลียบจ้าย   สายห้วยป่าดอน
(บทลง)  สีนานวล
แคนซ้วนไว้ก่อน
ท่อนี้น่าจบยกที่ 1






หลักสูตรลำกลอน (หญิง)
กลอน ยกอ้อยอครู (ไหว้ครู)
ประพันธ์โดยแม่ครูราตรี  ศรีวิไล  12  ม.ค.  2518
(ทำนอง ลำทางสั้น)

(บทขึ้นโอ่) โอละนอ...สาธุสา  ผู้ข้าขอบูชา คุณพระรัตนตรัย
พร้อมด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์   ที่ทรงสิงสถิตอยู่พื้นแผ่นโลกา
สุนันตุ ภูลโตสักโกเยเทวา  ขอทวยเทพพระยะดา มาปกปักรักษา
คุณสิบหกแผ่นฟ้าคุณสิบหาแผ่นดิน   คุณพระอินทร์  พระพรม ยมนานที
                                คุณพระแม่ธรณี  ท้าวบุญสงองค์มะลีพระจัตตุทั้งสี่
                                พระตะถะรัตถะ  พระวิรุณระหะ  พระกุเวรุราช ขออำนาจเดชา
                                คุณบิดามารดา  คุณครูบาอาจารย์ ให้มากุ้มเลื่อมงำ
ผู้ข้าลำบนเวที อย่าให้มีแนวคา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในโลกา
                                ให้มากุ้ม..หุ่มห่อ..ในวันนี้... โอละนอ...นอคุณเอย...
ละแม่นว่าเด้อนาย...
                                (บทที่ 1)                สาธุสา  จั่งว่าสาธุเด้อ
ข้าขอยกมือน้อม    จอมไตรอันประเสริฐ
คุณพระพุทธเลิศล้ำ    ให้มากุ้มเลื่อมงำ
พระธรรมเจ้า    พระสังฆังพร้อมพร่ำ
ให้มานำอยู่ป้อง    สมองข้าฮ่าลำ
(บทที่ 2)          ไหว้ทุกก้ำ  พระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์
คุณทั้งหลาย  ผู้ทรงฤทธิ์  ให้ซ่อยมาปูนป้อง
นำ  สมองของข้า   ปัญญาดีถ้วนถี่
พระจัตุโลกบาลทั้งสี่  ธรณีนาคน้ำ  นางน้อยเมฆขลา
(บทที่ 3 )         คุณพระอินทร์ ผู้อยู่ฟ้า    ให้สอดส่อง  สรญาณ
อภิบาลนำชัย   ให้ว่องไว ปานม้า
เทวดาพระพรมพร้อม   พระอิศวรแสนส่ำ
ให้ นำปัดไป่ป้อง  ครองคุ้มคู่ซู่ยาม
(บทที่ 4)          อย่า ให้ตกคะมะค่าม     ยามว่าหากลอน
คุณครูบาอาจารย์สอน    ให้ส่งพรนำยู้
นำมาซูมาค้ำ    ยามลำอย่าได้ห่าง
หาหนทางซ่อยให้     ดีได้ดั่งใจ
(บทที่ 5)          ขอให้คุณ อ้อได้    สอดส่องมองนำ
แม่นสิลำแนวใด๋     ให้ม่อนปานบักตูมกลิ้ง
หาหลักอิงหลักอ้างให้มองเห็น  หนทางๆอย่าคาค้างบ่อนสิว่า
ให้ลำดังขึ้นหน้า  พอปานฟ้าล่วงบน
(บทที่ 6)          ให้คิดค้น  ลำเลื่อนเลียนไหล
คุณบิดามารดา และครูสุนทรชัย   ผู้สั่งสอนความรู้
(ครูราตรี ศรีวิไล   ผู้สั่งสอนความรู้)
ให้นำซูนำค้ำมองนำทุกเมื่อ
มนต์เขาใส่  ลำเรือๆ  ระเบิดผ่าม้าง  มาง้างกะอย่าถอง
(บทที่ 7)          ขอนั้นเด่อ ขอให้ดี ถูกต้องๆ  ลำค่องปานลม
ให้สมองนางคม  วับไวใสแจ้ง-
-ลำแสดงเทิงฮ้าน  ปฏิภาณอย่าได้หย่อน
เทิงบทกลอน - กะให้คล่องทำนองห่าว  เลื่อนไหล
(บทที่ 8)          ขอนั้นเด่อ ขอให้นึก  คิดได้ๆ ทุกอย่างเรียนมา
อย่าให้คาบทกลอน  ม่อนไหลปานน้ำ
ยามเขาถามเขาส่อ   ยอคดีซี้ซ่อง-
-ให้มองเห็นค้องน้อง  อย่ามีข้องคัดคา
(บทที่ 9)          ให้คุณอ้อผู้    แก่กล้าๆ  ออกท่าแผลงฤทธิ์
ให้นำทางความคิด  โล่งไหลไปหน้า-
-แม่นเขาลองมนต์กล้า    คาถาเสกใส่
อย่าให้ถองถืกได้  มาใกล้ส่วนคิง
                                (บทที่ 10) ขอนั้นเด่อ  ขอให้คุณ อ้อวิ่งๆ  ปัดไป่หนีไกล
ศัตรูมาทางใด๋   ให้แล่นไปทางนั้น
ขอเชิญขันครูอ้อ  ให้มายก มายอๆ สมองให้ไหลหลั่ง-
-คุณนะองค์ จังงังๆ  ให้คนหอมฮักใคร่ใจลุ่มเหล่าหลง
(บที่ 11)           คุณศักดิ์สิทธิ์อยู่ทั่วโซ้ง  โขงขอบจักรวาล
คันได้ยินคำขาน  เรียกวาน   ขานเอิ้นๆ
เชิญนั้นเด้อ  เชิญให้มาครองคุ้มปกคุ้ม  หุ้มห่อ
เชิญมายกมายอ  ให้ผู้ข้าเก่งกล้าปัญญาล้น ลื่นคน
ลื่นคน  ปัญญาล้น ลื่นคน...

                                                           2. คำเว้า  ประกอบกลอน 
ประพันธ์โดยแม่ครูราตรี  ศรีวิไล  2 ม.ค.2528
ยกที่ 1

(เว้าสุดสะแนน) ก่อนสิไปหน้ามาหลัง  ผู้ข้าหมอลำ
(ชื่อตัวเอง) ขอกราบคารวะ  ด้วยมือสิบนิ้ว
ยกขื้นหว่างคิ้ว   ต่างธูปเทียนทอง
ประนมมือทังสอง  ต่างดอกประทุมชาติ
ขอบูชาพระบาท  เห็นงามยิ่งนัก
ให้มองเห็น  ประจักษ์ร้อยแปดประการ
ขอตั้งสัจอธิฐาน  กราบนมัสการ
คุณพระรัตณตรัยแก้ว  อันประเสริฐ
พระองค์ผู้เป็นเลิศคือพระพุทธคุณ 
พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ
กราบสิ่งศักดิ์  ในสากลภิภพ
ผู้ข้ายอมือนพคุณปู่ตาย่ายาย  ป้าลุงสูงต่ำ
น้อยหนุ่มซุ่มกำ   ขอกราบอภัย  ไว้เหมิดตลอด
ไหว้เพื่อแพร่เมตตาจิต  ฮ่าลางเทื่อหลงลำผิด 
หรือสร่างพลั้งพลาด หวังว่าคงได้รับความอภัย
 และแฮงใจจากท่านผู้เจริญทั้งหลาย
โบราณ  ท่านยังกล่าวไว้ว่า
สี่ตีนกะย่อมพลาด  นักปราชญ์กะย่อมหลง
หงส์คำย่อมถืกบ้วง  ควายเฒ่าย่อมตื่นไถ
แต่ปลาใหลนั้นกะย่อมตื่นลัน  ฉันกะย่อมตื่นเธอ
เกอกะย่อมตื่นท่าน    โอ้ยหัวล้านตื่นตะเจียง
ทิดจารเซียงนั้นกะย่อมตื่นชื่อ  แมวตนคื่อเพราะมันตื่นฝูงหนู
หมองูกะย่อมตายเพราะงู  โบราณว่าไว้
สิไปซาหยังได้  มนนุษย์ย่างสองขา
ตั้งแต่ควายไถนา  สี่ขากะยังล้ม
ฮ่าลางเทื่อ  ผัวขื้นโคมเมียแล้ว  แทงลงกะยังเผิ่น-
-คันมือเมีย บ่จับซ้วนใส่ ให้  อย่าหวังเข้าบ่อนหมาย...
ยกนี้เดินดงลงไว้  ในแบบจังหวะวาทปลาดุกเข้าต้อน
สมมุติว่าปลาดุกเต็มต้อน   เสียงมันอั่งออกัน  ดังโหล่ๆๆ  ๆๆๆ ๆๆๆ...
เนิ้งลายปลาดุกเข้าต้อน  อาจารย์หมอแคน

เดินกลอน
ประพันธ์โดยแม่ครูราตรี  ศรีวิไล  13  ม.ค.  2518
(ทำนองเดินกลอนแบบดั่งเดิม)

(บทที่ 1)       บัดนี้โจ้ะ  บทซ้อนๆ ถ้าฟังกลอนของคู่         
กลอนยกอ้อยอครู  หยุดไว้เพียง ส่ำนี้ๆ  ก่อนเด้อซู้ผู้ฟัง
(บทที่ 2)       หยุดพักยั้ง  ฟังเบิ่งตอนสอง
ฟังบทกลอน ทำนองๆ   ผู้สองเขาเว้า
                                                               คอยฟังเอากลอนเฮี้ยว    เทียวซอน ซ้อนต่อ  
เป็นบทยาว และย้อ   ฟังแล้วม่วนใจ
(บทที่ 3)       ฉัน (ครู) ราตรีแต่งไว้สารพัด-กลอนดี
มีกลอนเด็ดกลอนดัง    โปกฮา เฮเฮี้ยว
มีกลอนเปรี้ยว  เค็มจางทุกท่า
มีจังหวะท่าเฮี้ยว    เตรียมพร้อม สู่ทาง ๆ
(บทที่ 4)       กลอนใด๋ดีเดิ้กมา จั่งง้าว ๆ  จ้าวใส่กลอนจัง
ให้คนฟังนี้ละแม่น  ลืมหลงๆ  เบิ่งกันจนแจ้ง
เอาให้ขนตาแห้ง  คนฟังควดหม่องเยี่ยว
กลอนเด็ดๆ เฮี้ยวๆ   มาลำไง้ใส่กัน
(บทที่ 5)       ยกนี้นั้น  โจ้ะก่อนบทกลอน ๆ
ยกที่สองจั่งฟังตอน  ผู้ชายเขาเว้า-
คอยฟังเอา ตอนหน้าๆ  เดิ๊กมาแฮ่งน่ำ
ยกแรกลำท่อนี้  ทีหน้าต่อกลอน
ต่อกลอน  ทีหน้าต่อกลอน
บทลง            ดิฉันขอวิงวอน ให้พี่น้องฟังต่อ เอาเด้อท่าน...

กลอนที่ 1  เรื่องสังข์สินไซ
(ตอนพระยากุศราชครองเมือง)
ประพันธ์โดย ราตรี ศรีวิไล 1 เมษายน   2552
(วาทลำสินไซ-สลับลำพื้น)

ฮืมบัดนี้...  ข้าจักนบนอบน้อม    ถวายบาทนาโถ
องค์พุทโธธัมโม    และพระสังโฆพร้อม
กายวาจาใจน้อม   คุณครูผู้สอนสั่ง
ขอให้มาเลื่อมกั้ง   บังข้าบัดฮ่าลำ

ไหว้ทุกก้ำ      อ้อป่องของขลัง
คุณณะอมจังงัง     ให้เลื่อมงำนำยู้
ครูอยู่ในบทเรื่อง     โตแสดงครบคู่
ผองนักปราชญ์ผู้ฮู้    ให้ซูค้ำซ่อยกัน

บัดนี้บั้น    เปิดป่องฝักตูไข
ลำนิทานสินไซ    ให้ซัดเจนเห็นแจ้ง
การแสดงลำร้อง    ให้เห็นทางแจ้งจ่างป่าง พุ้นเย้อ.......
เปิดฝักตูไขป่องท้าง    ถางหม้องป่องสิลำ

บัดนี้จักกล่าวก้ำ   เมืองใหญ่เป็งจาล
ตามบทตอนนิทาน   กล่าวมาจาเว้า
ยังมีเหนือหัวเหง้า     ซื่อพระยากุศราช
องค์พระบาทท่อนไท้    ครองสร้างนั่งปรางค์

มเหสีเอกอ้าง    ซื่อว่าจันฑา
ส่วนน้องสาวพระราชา     ซื่อสุมณฑาน้อง
บ่มีแนวเคืองข้อง    หมองใจจักอย่าง
อยู่ท่างสุขอยู่สร้าง    ปรางค์กว้างข่วงนคร

(ลำพื้น) จั่งความทุกข์ฮ้อน   บ่เอื้ออ่าวหนหา
ปวงสนมเสนา    ซื่นซมแซซ้อง
เมื่อนั้น เสียงกลองฆ้อง  มโหรีเสพแห่
เสียงลำร้อง สลับแคนแลนแตร่
แลนแตร่ตาลุแลนแลนแตร่แลนแตร่
เสียงกลองฆ้อง   ดังมามอง ๆๆๆ
มอง ๆๆๆมุ่งฮุ่ย
เสียงกลองฆ้อง   ดังมามุ่งฮุ่ย
ฟังเตาะเติ่นตุ้มกลองทุ้มกล่อมกัน   ตึ้มๆๆๆ ตึดตึ้ม ๆๆๆ
เสียงกลองฆ้อง   มโหรีเสพกล่อม
คอยถนอมต่อมตุ้ม    ซุมเซื้ออยู่เย็น

เว้นวรรคไว้     ถ้าฟังใหม่กลอนสอง
ยักษ์กุมภัณฑ์หมายปอง   มิ่งสุมณฑาแก้ว
สิขอลาลงแล้ว     บทกลอนโจะก่อน
คอยเบิ่งตอนบัดหน้า   ซิหนากว้างกว่าหลัง

ขอพักยั้ง    ไว้ก่อนบทตอน
กลอนนิทานสินไซ   ต่อไปยังกว้าง...

กลอนที่ 2 ลำเรื่องสังข์สินไซ
(ตอนยักษ์กุมภัณฑ์)
ประพันธ์โดย ราตรี ศรีวิไล 2 เมษายน   2552
                                               
                (วาทลำสินไซ)     ฮืมบัดนี้. จักกล่าวก้ำ   ยักษ์ใหญ่กุมภันฑ์
มีนิสัยดุดัน    ตั้งแต่ใด๋แต่ไลแล้ว
เขากะลือซาแหล้ว  โขโนยักษ์ใหญ่ พุ้นเยอ
จั่งว่าเตอะปากก้ำ   ปานฟ้าผ่าเผลียง

                                ตีนเหยียบพื้น   ดินเดี่ยงทั่วโลกา
พวกสัตว์สามวลมนุษย์    ย้านฤทธิ์แฮงแข็งกล้า
ตาแดงเข้ม     ปานไฟสมไฮ่
ถือแล่นถือไม้ค้อน   ตะบองแก้วคู่กาย

สุบเกิบแก้ว   ของวิเศษเหาะหน
เป็นพระยายักษ์โทน   แม่นบ่มีเมียซ้อน
คิดสะออนอกโอ้    แนวโตบ่มีคู่..พุ้นเยอ..
อยู่ผู้เดียวเหี่ยวแห้ง   นอนแล้งแก่งแต่ลม

 จำต้องทูลกราบก้ม     พระยาใหญ่เวชสุวรรณ
เป็นพงษ์พันธ์จอมผี    ยักษ์โขโนฮ้าย
บัดนี้ผายตนเข้า    แถลงกลอนกอยกล่าว
ไขปากเว้า     โลมเจ้าเวชสุวรรณ

                                บั้นบ่อนนี้ อยากมีคู่เคียงสอง  ว่านา
หมายปองเอาเป็นเมีย  คู่ครองของเจ้า
เขานั้นเนาว์ใน ห้อง  เป็งจาลนครใหญ่
สุมนฑานาถไถ้    เป็นนามชั้นมนุษย์คน แท้แหล้ว

มันจักดนดูฮ้าย   บังเกิดกลียุค
จักเกิดทุกข์ทั่งโทม      ฮั่งโฮมภายพื้น
กุมภัณฑ์ฝืนใจสู้    ซิบูเอาบ่ย้านหย่อน โอ่ย..น้อ..
คั้นบ่ได้อยู่ซ้อน   โตข้าแม่นบ่ยอม...ละน้า

                                เมื่อนั้น กุมภัณฑ์พร้อม    ซิติดต่อตามหา
ขอถวายชีวา   ต่อสุมณฑาน้อง


             (วาทเดินกลอนลำพื้น)     ว่าแล้วผันผยองผ้าย   เหาะบนวนเซบินเวิ่น  เวิ่นๆๆๆๆๆ
เวินไปตามขอบฟ้า   ถลาลิ่วล่องลอย
ข้ามโคกค้อย     ดอยด่านภูผา
ยักษ์ถลาบินบน   เซิ่นวนคาวน้อย
วอยถึงก้ำ    เป็งจาลนครราช
คาดซิได้คู่ซ้อน    นอนกลิ้งกล่อมสอง

หวังสิไปพบพ้อ   น้องนาถสุมนฑา
จำต้องหาจนเห็น   บ่หว่างเว็นวันมื้อ

ถือเอาเด่อ ถือเอาความฮักเป็นทีตั้งฝังใจมั่นแก่น
คาดแต่แถนแนนแต่ฟ้า   ต้องหาพ้อพบกัน
บั้นบ่อนหน้า   ถ้าฟังเบิ่งกลเม็ด
คอยถ่าฟังทีเด็ด    ของยักษ์กุมภัณฑ์ฮ้าย....

กลอนที่ 3 ลำเรื่องสังข์สินไซ
(ตอนนางสุมนฑาซมสวน)
ประพันธ์โดย ราตรี ศรีวิไล 3 เมษายน   2552

(วาทลำสินไซ)                 ฮืมบัดนี้...จักกล่าวนงนางหล้า   สุมณฑาน้อยหน่อ
งามลออละเอียดนิ้ว   ผิวเกลี้ยงดั่งทอง

ฮูปฮ่างน้อง   งามค่องสวยสม
ตากะกลมคมคาย   โก่งงอนงามคิ้ว
ผิวพรรณสมตะนมเนื้อ    นวลเนียนเหมือนวาด
น้องสาวกุศราชเจ้า    เนายั้งนั่งนคร

อันว่าอวนอ่อนน้อย   ชอบเล่นม่วนชมสวน
ชมหมู่มวลมาลี  ที่อุทยานด้าว
เลยชวนชุมสาวใช้  ประดับดีไปม่วน นั้นเดอ..
บระบวรณ์พร้อมแล้ว  ไปทูลแก้วพี่พระยา

บอกว่าน้องสาวหล้า  อยากออกเที่ยวซมสวน
ไปเบิ่งมวลมาลา    ดอกดวงพวงไม้
น้องขอไปซมเหล้น    เย็นพระทัยซิฟ้าวต่าว
พระยากุศราชเจ้า   ไขข้อข่าวขาน

อ้ายนี้ย้าน      เกิดอาเพศโพยภัย
เพราะว่าในความฝัน   ประหลาดไปเหลือฮ้าย
ในฝันนั้น   มีผีมารยักษ์ใหญ่
มาไล่ฟันเข่นฆ่า   ตัดแขนอ้ายขาดกระเด็น

ความฝันเป็นจั่งซี่     ย้านมีเหตุภัยภิบัติ
อ้ายขอตัดสินคำ    ห้ามสุมณฑาไว้
เมื่อนั้น สุมณฑาวานวอนไหว้    ให้เห็นใจนางก่อน
บ่ได้ไปใจวู่ฮ้อน   เผาไหม้บ่ยัง

ความที่ฮั่งฮักน้อง    เลยบ่อาจขีนขัด
จัดสนมเสนา   แห่แหนแพนด้าม
นางงามส้อย   สุมนฑาเซ็งซ่า
ซมมาลาดอกไม้   ใจซ้อยซื่นบาน

ชมเทิงดอกกิ่งก้าน   ดมกลิ่นอินถวา
สารพันธ์นานา     ดอกดวงพวงพั้ว
มือควาน้าว    มาดมซมกลิ่น
ใจถวิลห่วงซู้   อยากซูซ้อนต่อนเสนห์

ใจนั้นเวหวั่นก้ำ   คำโศกทรวงกระสันต์
จักกล่าวถึงกุมภัณฑ์   ผู้เวิ่นบนวนฟ้า
มาเถิงก้ำ    สวนหลวงกว้างใหญ่
ในหัวอกวู่ฮ้อน    ป่านศรต้องหว่างใจ

จั่งแม่นสมวาดไว้   ตั้งแต่บ่ทันพบ
มาประสบสาวงาม  โหดหวั่นไหวใจเต้น
พอมองเห็นนางน้อง   ประคองตนจั้งบ่อยู่
บู๋เข้าไปหอบอุ้ม   เอาน้องด่วนพลัน

ว่าท่อนั้น   อมอ่านพระคาถา
อุ้มเอานางสุมนฑา    ต่าวคืนเมืองบ้าน
ซาวเมืองฮ้อน   เฮฮมย้านสั่น
ยักษ์กุมภัณฑ์เก่งกล้า   พาน้องด่วนโพยม

กุศราชทม ๆ  ฮ้อน    บ่มีบ่อนเบาบาง
นอนในปรางค์ปานไฟ    แผดเผาผลาญเนื้อ
ประซาซนซุมเซื้อ     พากันแตกตื่น
เสียงฮ่ำฮอนสะอื้น   เฮไห้ฮ่ำหา

น้อยนาถหล้า  น้องซิอยู่สันใด
พ่อพระยาอุกใจ    ฮ่วนฮนคือบ้า
กาลคาวหน้า    ยังหนาหนักหน่วง
ปานว่าสัตว์ถืกบ้วง    ใจเศร้าง่วมเหงา
คิดฮอดเจ้า    น้อยนาถสุมนฑา
ตอนซินำเอาอา    จั่งต่อกลอนฮอนบั้น....

                                                    เพลง ฟ้อนฮีตสิบสอง   
                                                    ประพันธ์โดย บุญจันทร์ เพชรเมืองเลย 16  มค. 53
(เกริ่น)    ล่ะฮีตสิบสอง โบราณเว้า  ชาวอีสานบ้านเฮา  
                ยังสืบทอด คงคุณ เอ้อ
เออเอ่อ..  ค่า
                ล่ะตั้งแต่ปู่สังกะสา ตั้งแต่ย่าสังกะสี เพิ่นพาถือแต่เก่าพุ้น บ่มีเสี่ยง แม่นลึปสูญ              
                ประเพณีบ่ขาดดุ้น
   เฮายังนับถือกัน  สิบสองเดือนบ่แปรผันฮีตสิบสอง
                เอ้อ
เอ่อ ..เออ    นอคองเค้า...

                                (ฮีต 1) พอถึง/เดือนอ้าย     สงฆ์ทั้งหลาย/พากัน/เข้ากรรม
                                จำศิล
/ฟังธรรม                     บุญเข้ากรรม/มีมา/ฮีตนี้
                                ธรรมเนียม
/เพิ่นถือ                             หากแม่นดื้อ/เข็ญข้อง/ต้องมี
                                ขอเทพ/เทวา/ปราณี                             บุญ
/บารมี/ลูกหลานทำไป
                                (ฮีต 2)พอถึง/เดือนยี่                           ฤกษ์ยามดี/โฮมกัน/เดิ่นบ้าน
                                เฮ็ดบุญ
/คูณลาน                   ข้าวเปลือกทาน/หนุนนำ/ชาติใหม่
                                ประเพณี
/นี้                           จัดสุปี/บุญกอง/ข้าวใหญ่
                                ฮ่วมกัน
/ถวายให้                  แด่สงฆ์เจ้า/บุญหลาย/เอานี่
                                (ฮีต 3)พอเดือน/สามคล้อย                ลมวอย ๆ/เอาข้าว/มาปั้น
                                ชาวบ้าน
/โฮมกัน                 ผูกสัมพันธ์/เฮ็ดบุญ/ข้าวจี่
                                จัดแจง
/ถวาย                         สังฆเจ้า/ฮ่วมเฮ็ด/สุปี
                                หากธรรม
/เนียมจั่งซี้                           มีจริงแท้/สืบมา/แต่ก่อน
                                (ฮีต 4)เดือนสี่/ฟังเทศ         บุญผเวส/อดีต/เก่าหลัง
                                ผู้เฒ่า
/นั่งฟัง                          เทศสังกาส/ผเวส/สันดร
                                ประดับ
/ธงทิว                       ปลิวไสว/เทิ่งแห่/กัณฑ์หลอน
                                พร้อมแห่
/ข้าวพัน/ก้อน      ม่วนออนซอน/เทศแหล่/มัทรี

                               (ฮีต 5)เดือนห้า/เมือบ้าน    นำเอาขัน/ใส่น้ำ/อบไว้
                                มาลา
/ดอกไม้                        ถวายให้/สงฆ์เจ้า/ทุกปี
                                มหา
/สงกรานต์                    ชาวอีสาน/เอิ้นบุญ/ประเพณี
                                ฮดน้ำ
/กับน้องพี่                   สรงกรานต์ทุกปี/ขอพร/ผู้แก่

(ทำนองกาพย์เซิ้ง)(ฮีต 6)โอเฮาโอ พวกฟ้อนเฮาโอ                   ขอเหล้าขาว/ให้ได้จ้าว/จักโอ
                                ขอเหล้าโท
/กินได้ฟ้อน/จักแก้ว        แม่นได้แล้ว/สิเซิ้งแห่/บั้งไฟ
                                บั้งไฟไผ๋
/บ่ขึ้น/เทิ่งฟ้า                        ตกลงมา/จับโยน/ลงตม
                                บุญบ่สม
/ฮอดพระยา/แถน                                บั้งไฟแล่น/ไผ๋ขึ้น/เทิ่งฟ้า
                                บุญผลา
/ฝนสิตก/หลายห่า                 บวงสรวง/พญาในบุญ/เดือนหก
                                โอเฮาโอ
 โอพวกฟ้อนเฮาโอ
                                (ฮีต 7)พอเดือน/เจ็ดแล้ว    ให้มีแนว/พาแปลง/บ่อนฮ้าง
                                ไฮ่นาผาท้าง
                          ซ่อยฮ่วมสร้าง/เฮ็ดบุญ/ชำฮะ
                                (ฮีต 8)พอเดือน/แปดเถิง    เข้าพรรษา/กิเลส/ลดละ
                                บวชเฮียน
/อุตสาหะ                            ฟังธรรมมะ/เข้าวัด/จำศิล

                                (ฮีต 9)พอถึง/เดือนเก้า       บ่ายเอาข้าว/มาห่อ/ล่อปั้น
                                วางนำ
/ดินนั้น                      เอิ้นว่าบุญ/ข้าว/ประดับดิน
                                (ฮีต 10)เดือนสิบ/มาฮอด   บุญข้าวสาก/ทานภูต/ผีกิน
                                ซุมน้ำ
/ตาไหลริน                 ทุกข์ยากสิ้น /คอยบุญ/ส่งหา

                                (ฮีต 11)เดือนสิบ/เอ็ดนี้      บูฮานมี/เฮ็ด/ผาสาทเผิ้ง
                                สามเดือน
/มาเถิง                 พระสงฆ์เจ้า/สิออก/พรรษา
                                (ฮีต 12)พอเดือน/สิบสอง  ฮ่วมฉลอง/กฐิน/ผ้าป่า
                                กลับคืน
/บ้านนา                   หนุ่มสาวมา/เอาบุญ/นำกัน (ซ้ำ)

               (ลำเต้ยธรรมดา)ฮีตสิบสอง ของเฮานั้น                         บ่แปรผัน ยังคือแต่ก่อน
                                ถึงฮีตใด๋ กะได้ม่วน ได้ฟ้อน                             ออนซอนแท้ ซื่นสุขสันต์
                                มื้อสำคัญ อีสานเฮาแล้ว
                               มาเอาบุญประเพณียิ่งใหญ่
                                อยู่บ้านใด๋ ให้มาโฮม มาตุ้ม                              เห็นหน้า เว้าไถ่ถาม
                                โอ้ยนั้นละน่า พ่อแม่หนา
                            ละนาลุงป้าหนา
                                อย่าปะอย่าลืมไล ฮีตสิบสอง
        ประเพณีเฮาต้อง ฮักษาไว้ ฮักษาไว้
                                                เพลง  ลำเพลินออนซอนขอนแก่น
                                                ประพันธ์โดย บุญจันทร์ เพชรเมืองเลย 28 เม..53
                (เกริ่น) ละจั่ง ว่าเปิด ผ้าม่านกั้ง ๆ  เห็นคนย่าง หนอเป็นสาย  เออ….
                ขอนแก่นเฮา  มูลมังหยาย                                อยู่ทั่วไป มีหลายล้น ๆ
                โอ่ย นอ นาย นอ นาย

                (ลำ) พอคราวแล้ว สิพาไป เดินเที่ยว ๆ  เหลียวไปทาง  ขวาซ้าย  ของดีส้นอยู่คู่แจ
                มีดีแท้ สุดเขต แดนไกล                     สิพา  เลาะลัดไป  เที่ยวชม หาพ้อ
                ไปกันน้อ  เที่ยวเมือง ขอนแก่น ๆ เมืองเสียงแคน  แอ่นฟ้อน  สะออนเต้นม่วนลำ
                ทุกถิ่นก้ำ อยู่ในลืบ แดนใด๋                สิพาไป เที่ยวชม  ทั่วถึง  วันนี้
                (1)(เพลง) ประเพณี                            งานไหม/ผูกเสี่ยว
                ถนน
/ข้าวเหนียว                  เที่ยวที่/อำเภอเมือง
                มวยโอลิมปิก                        เหรียญทอง
/ลือเลื่อง ๆ
                เจริญ
/รุ่งเรือง                       ฟูเฟื่อง/ประเพณี
                (2)ไปภูเวียง                          ดูไดโนเสาร์
                ถ้าอยาก
/ดูเต่า                       ไปมัญจา/คีรี
                เขาสวนกวาง 
                     เที่ยวถ้ำ/กินรี
                ชนบท                                   ผ้าไหม
/ชั้นดี
                แหล่งเที่ยว
/มากมี                                เบิ่งศาลา/ไหมไทย
                โอ่ย นอ นาย นอ นาย

                (ลำ) มาไกลแล้ว  สิพาโตน น้ำก่อน ๆ  แก้มอ่อน ๆ อยากขอวอน กล่าวเอิ้น
                มาเพลินเล่น ม่วนนำ ย้านใจซ้ำ นำแฟนเพิ่น เด้น้อ                  
                งอ มาทางอุบลรัตน์  ผ่อนคลาย หายฮ้อน
    
                (3)(เพลง) ออนซอน/น้ำตก/ตาดโตน             หาดริมพอง/งามล้น/ของดี/นาคำ
                แวะเที่ยว
/น้ำตก/ตาดใหญ่                  ภูผ่าม่าน/ไม่ไกล /ดูค้างคาว/ยามค่ำ
                สีชมพู
/แก่งตู้/เล่นน้ำ                          ปางกู่แก้ว/แวงใหญ่/เด่นล้ำ
                เข้าชม
/ภูถ้ำ                                           แวงน้อย/นำกัน
                (4)ซำสูง/ไหว้พระเจ้า/ใหญ่                              ไปเยือนโคก/โพธิ์ชัย/ เที่ยวเมือง/ไชยวาน
                ชุมแพ
/ เที่ยวผา/นกเค้า                      ดูบุญ/กุ้มข้าว/โนนศิลา/จัดงาน
                พระธาตุขามแก่น
/น้ำพอง/โบราณ มีชื่อเสียง/งูจงอาง/หมู่บ้าน
                โนนแทนพระ
/ตระการ                      เที่ยวที่/อำเภอพล
                โอ่ย นอ นาย นอ นาย

                (ลำ) มีหลายล้น  สนใจ ให้ไปเบิ่ง ๆ               เข้าวัดป่า หินเกิ้ง บ้านแฮด พักเซา
                กราบพระเจ้า  องค์ใหญ่ ผือบัง        อยู่บ้านไผ่ เขาดัง  ทั่วแดน ลือก้อง
                หรือไปหม่อง หนองเรือ เลาะแก่ง  ๆ            ถ้ำฝ่ามือแดงพร้อม เย็นชื่น ชื่นใจ
                หรือไปไหว้ ศาลเจ้าพ่อ หลักเมือง                  อยู่อำเภอกระนวน ซ่าลือขานเอิ้น
                (5)(เพลง) เพลิดเพลิน  เดินชม/บ้านฝาง       เข้าวัดคำหวายยาง /สมาธิ/ฝึกจิต
                เที่ยวงาน
/สมเด็จพุฒาจารย์                                พระยืน/คู่บ้าน /คุ้มภัย/ทั่วทิศ
                เปือยน้อย
/มีปราสาท/ศักดิ์สิทธิ์       เปือยน้อย /มีปราสาท/ศักดิ์สิทธิ์ 
                หนองสองห้อง
/งามวิจิตร                                 ภาพจิตกรรม/ฝาผนัง
                โอ่ย นอ นาย นอ นาย

              (ลำ) ดังลือก้อง ของดี ขอนแก่น ๆ ใจพออยาก สิแล่น
                เบิ่งให้เบิ๊ด ครบถ้วน                           ย้อนอยากพ้อ สุแนว                    
                มาเห็นแล้ว ได้เบิ่ง สิติดใจ                                ไปเบิ่งอำเภอได๋  กะม่วนหลาย เหลือล้น
                คนเบิ๊ดบ้าน มาออนซอน ขอนแก่น               งานดอกคูณเสียงแคน  แดนผ้าไหมเลิศล้ำ
                หัตถกรรมเฮ็ดสร้าง มีไว้สุอัน          งานไหมนั้นเกินม่วน สุดแสน
                ฟังหมอลำหมอแคน                          ม่วนหลาย จนลืมบ้าน ลืมบ้าน จนลืมบ้าน ๆ