บทที่ 4
X แทน ค่าเฉลี่ย (Mean)
จากตารางที่ 11 แสดงให้เห็นว่า ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมีความเห็นว่าการดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล ในด้านด้านผู้เรียน มีการดำเนินการในระดับมากถึงมากที่สุดทั้งโดยภาพรวมและในรายข้อ ( X=4.71) เมื่อพิจารณาในรายข้อ พบว่า ข้อที่มีการดำเนินการมากที่สุดคือ ผู้เรียนต้องการเรียนเพิ่มเติมนอกเหนือจากการเรียนในโรงเรียน (การศึกษาในระบบ)(X=4.81) รองลงมาได้แก่ ผู้เรียนเห็นความสำคัญของการสอนหมอลำในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ฯ ( X=4.80) ผู้เรียนได้ประโยชน์จากการเรียนที่ศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ฯ ( X=4.77) และข้อที่มีการดำเนินการต่ำสุดคือ ผู้เรียนมีความพร้อมในด้านเวลาของการมาเรียนที่ศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย (X =4.48)
จากตารางที่ 12 แสดงให้เห็นว่า ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมีความคิดเห็นของการดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยของศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทของแม่ครูราตรี ศรีวิไล ในด้านกิจกรรมการเรียนการสอน มีการดำเนินการในระดับมากที่สุดทั้งโดยภาพรวมและในรายข้อ ( X =4.65) เมื่อพิจารณาในรายข้อ พบว่า ข้อที่มีการดำเนินการมากที่สุดคือ มีการเสริมแรงจูงใจในขณะที่สอนอยู่ตลอดเวลา ( X =4.72) รองลงมาได้แก่ มีการแยกความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเรียนการสอน ( X =4.69) ผู้เรียนรู้สึกอบอุ่นเมื่อได้มาเรียนอย่างใกล้ชิดกับครูภูมิปัญญาไทย ฯ ( X =4.69) และข้อที่มีการดำเนินการต่ำสุดคือ การจัดการเรียนการสอนมีระบบและเป้าหมายที่ชัดเจน ( X=4.55)
2. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากการวิจัยเชิงคุณภาพ
2.3 ทิศทางการเปลี่ยนแปลงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของ
แม่ครูราตรี ศรีวิไลในอนาคต
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
การวิจัยครั้งนี้มุ่งศึกษาการดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ได้นำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล ตามลำดับหัวข้อดังนี้
1. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากการวิจัยเชิงปริมาณ
2. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากการวิจัยเชิงคุณภาพ
1. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากการวิจัยเชิงปริมาณ
สัญลักษณ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล มีดังนี้
n แทน จำนวนตัวอย่าง
S.D. แทน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
ขั้นตอนในการวิเคราะห์ข้อมูล
ข้อมูลจากแบบสอบถาม ความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องต่อการดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล มีขั้นตอนการดำเนินการดังนี้
ขั้นที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม วิเคราะห์โดยการแจกแจงความถี่ และค่าร้อยละ
ขั้นที่ 2 ข้อมูลความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องต่อการดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ของแม่ครูราตรี ศรีวิไล วิเคราะห์โดยการหาค่าเฉลี่ย (Mean : X )และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation : S.D.)
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
การนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล ได้นำเสนอเป็น 2 ตอน คือ
ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
ตอนที่ 2 ข้อมูลความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องต่อการดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ของแม่ครูราตรี ศรีวิไล
ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
1.1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปแสดงในตารางที่ 6
ตารางที่ 6 แสดงจำนวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม (n=113)
ตัวแปร
|
จำนวน
|
ร้อยละ
|
เพศ
| ||
ชาย
|
65
|
57.5
|
หญิง
|
48
|
42.5
|
สถานภาพ
| ||
ครอบครัวแม่ครูราตรี ศรีวิไล
|
3
|
2.7
|
คณะกรรมการที่ปรึกษาศูนย์การเรียน ฯ
|
7
|
6.2
|
ลูกศิษย์
|
67
|
59.0
|
ครู-อาจารย์
|
10
|
8.8
|
บุคคลอื่น ๆ
|
26
|
23.0
|
อายุ
| ||
น้อยกว่า 18 ปี
|
6
|
5.3
|
18-35 ปี
|
59
|
52.2
|
36-45 ปี
|
20
|
17.7
|
46 ปีขึ้นไป
|
28
|
24.8
|
ระดับการศึกษา
| ||
ต่ำกว่าปริญญาตรี
|
39
|
34.5
|
ปริญญาตรี
|
51
|
45.1
|
ปริญญาโท
|
19
|
16.8
|
ปริญญาเอก
|
4
|
3.5
|
จากตารางที่ 6 แสดงให้เห็นว่า ในจำนวนผู้ตอบแบบสอบถาม 113 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย (ร้อยละ 57.5) อายุระหว่าง 18-35 ปี (ร้อยละ52.2) เป็นลูกศิษย์ (ร้อยละ 59.0) และการศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี (ร้อยละ 45.1)
ตอนที่ 2 ความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องต่อการดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียน
ภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล
2.1 ความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องต่อการดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียน
ภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล โดยรวมและรายด้าน
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลของผู้เกี่ยวข้องต่อการดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียน
ภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล แสดงในตารางที่ 7
ตารางที่ 7 แสดงค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของการดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การ
เรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล ตามคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
เรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล ตามคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
โดยรวมและรายด้าน (n=113)
การดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียน
ภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล
|
ระดับความคิดเห็น
| ||||
X
|
S.D.
|
ความหมาย
|
ลำดับที่
| ||
1.
|
ด้านองค์กรและการบริหารจัดการ
|
4.72
|
.23
|
มากที่สุด
|
1
|
2.
|
ด้านบุคลากร
|
4.64
|
.33
|
มากที่สุด
|
5
|
3.
|
ด้านงบประมาณ
|
3.24
|
.48
|
ปานกลาง
|
6
|
4.
|
ด้านผู้เรียน
|
4.71
|
.26
|
มากที่สุด
|
2
|
5.
|
ด้านกิจกรรมการเรียนการสอน
|
4.65
|
.28
|
มากที่สุด
|
4
|
6.
|
ด้านผลกระทบต่อสังคม
|
4.71
|
.28
|
มากที่สุด
|
3
|
โดยรวม
|
4.45
|
.20
|
มาก
|
-
|
จากตารางที่ 7 แสดงให้เห็นว่าผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมีความเห็นว่าการดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล มีการดำเนินการในระดับปานกลางถึงมากที่สุดทั้งโดยภาพรวมและในรายด้าน (X =4.45) เมื่อพิจารณาในรายด้าน พบว่า มีการดำเนินการสูงสุดในด้านองค์กรและการบริหารจัดการ (X =4.72) รองลงมาได้แก่ด้านผู้เรียน (X = 4.71) ด้านผลกระทบต่อสังคม ( X =4.71) และด้านที่ดำเนินการต่ำสุด คือ ด้านงบประมาณ ( X = 3.24)
2.2 ความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องต่อการดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียน
ภูมิปัญญาไทย ของแม่ครูราตรี ศรีวิไล ในรายด้านและรายข้อ
2.2.1 ความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องต่อการดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียน
ภูมิปัญญาไทย ของแม่ครูราตรี ศรีวิไล ด้านองค์กรและการบริหารจัดการ
ตารางที่ 8 แสดงค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องต่อการดำเนิน
การศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ของแม่ครูราตรี ศรีวิไล ด้านองค์กร
และการบริหารจัดการ ตามคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง (n=113)
การศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ของแม่ครูราตรี ศรีวิไล ด้านองค์กร
และการบริหารจัดการ ตามคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง (n=113)
การดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์ฯ
ด้านองค์กรและการบริหารจัดการ
|
ระดับความคิดเห็น
| ||||
X
|
S.D.
|
ความหมาย
|
ลำดับที่
| ||
1) องค์กร
| |||||
1.
|
การจัดโครงสร้างการบริหารศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ฯ เป็นระบบ มีความคล่องตัวในการบริหารงาน
|
4.66
|
.52
|
มากที่สุด
|
7
|
2.
|
มีการกำหนดเป้าหมาย ระเบียบแบบแผน ในการดำเนินการอย่างชัดเจน
|
4.73
|
.44
|
มากที่สุด
|
5
|
3.
|
มีสายการบังคับบัญชาในการดำเนินการอย่างชัดเจน
|
4.76
|
.42
|
มากที่สุด
|
4
|
2) การบริหารจัดการ
| |||||
4.
|
มีการวางแผนในการบริหารจัดการศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ฯ อย่างเป็นระบบชัดเจน
|
4.83
|
.37
|
มากที่สุด
|
1
|
5.
|
มีการวางแผนจัดความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล สถานที่ และกิจกรรมต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับหน้าที่ของศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ฯ
|
4.80
|
.39
|
มากที่สุด
|
2
|
6.
|
มีการคัดเลือกบุคคลให้มีความสามารถเหมาะสมกับตำแหน่งอย่างชัดเจน
|
4.51
|
.50
|
มากที่สุด
|
8
|
7.
|
มีการมอบหมายหน้าที่ในการปฏิบัติงานอย่างชัดเจนเสมอ
|
4.70
|
.45
|
มากที่สุด
|
6
|
8.
|
มีการกำกับ ติดตาม ประเมินผล ศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ฯตลอดเวลาในการปฏิบัติงาน
|
4.76
|
.42
|
มากที่สุด
|
3
|
โดยรวม
|
4.72
|
.23
|
มากที่สุด
|
-
|
จากตารางที่ 8 แสดงให้เห็นว่า ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมีความเห็นว่าการดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไลในด้านองค์กรและการบริหารจัดการ มีการดำเนินการในระดับมากที่สุดทั้งโดยภาพรวมและในรายข้อ ( X =4.72) เมื่อพิจารณาในรายข้อ พบว่า ข้อที่มีการดำเนินการมากที่สุดคือ การวางแผนในการบริหารจัดการศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย อย่างเป็นระบบชัดเจน ( X =4.83) รองลงมาได้แก่ การวางแผนจัดความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล สถานที่ และกิจกรรมต่าง ๆให้สอดคล้องกับหน้าที่ของศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ฯ ( X=4.80) การกำกับติดตามประเมินผลศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ฯ ( X =4.76) ตลอดเวลาในการปฏิบัติงาน และข้อที่มีการดำเนินการต่ำสุดคือ การคัดเลือกบุคคลให้มีความสามารถเหมาะสมกับตำแหน่งอย่างชัดเจน
(X =4.66)
2.2.2 ความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องต่อการดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียน
ภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล ด้านบุคลากร
ตารางที่ 9 แสดงค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องต่อการดำเนิน
การศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ของแม่ครูราตรี ศรีวิไล
การศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ของแม่ครูราตรี ศรีวิไล
ด้านบุคลากร ตามคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง (n=113)
การดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์ฯ
ด้านบุคลากร
|
ระดับความคิดเห็น
| ||||
X
|
S.D.
|
ความหมาย
|
ลำดับที่
| ||
1.
|
บุคคลากรมีความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ฯ
|
4.61
|
.48
|
มากที่สุด
|
3
|
2.
|
บุคลากรมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการและช่วยให้ศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ฯบรรลุเป้าหมาย
|
4.70
|
.45
|
มากที่สุด
|
2
|
3.
|
บุคลากรมีขวัญและกำลังใจในการบริหารจัดการศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ฯ
|
4.71
|
.45
|
มากที่สุด
|
1
|
4.
|
บุคลากรมีความสามัคคีกันดีในการบริหารจัดการศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ฯ
|
4.54
|
.70
|
มากที่สุด
|
4
|
โดยรวม
|
4.64
|
.33
|
มากที่สุด
|
-
|
จากตารางที่ 9 แสดงให้เห็นว่า ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมีความเห็นว่าการดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล ในด้านบุคลากร มีการดำเนินการในระดับมากที่สุดทั้งโดยภาพรวมและในรายข้อ ( X= 4.64) เมื่อพิจารณาในรายข้อ พบว่า ข้อที่มีการดำเนินการมากที่สุดคือ บุคลากรมีขวัญและกำลังใจในการบริหารจัดการศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ( X = 4.71) รองลงมาได้แก่ บุคลากรมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการและช่วยให้ศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ฯ บรรลุเป้าหมาย ( X=4.70) บุคคลากรมีความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ฯ (X =4.61) และข้อที่มีการดำเนินการต่ำสุดคือ บุคลากรมีความสามัคคีกันดีในการบริหารจัดการศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ฯ ( X=4.54)
2.2.3 ความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องต่อการดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียน
ภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล ด้านงบประมาณ
ตารางที่ 10 แสดงค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องต่อการดำเนิน
การศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล
การศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล
ด้านงบประมาณ ตามคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง (n=113)
การดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์ฯ
ด้านงบประมาณ
|
ระดับความคิดเห็น
| ||||
X
|
S.D.
|
ความหมาย
|
ลำดับที่
| ||
1.
|
งบประมาณที่รัฐจัดให้มีความเพียงพอในการบริหารจัดการศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ฯ
|
1.84
|
.78
|
น้อย
|
2
|
2.
|
รายได้จากการจัดกิจกรรมของศูนย์ ฯ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ฯอยู่ได้อย่างต่อเนื่อง
|
4.64
|
.58
|
มากที่สุด
|
1
|
โดยรวม
|
3.24
|
.48
|
ปานกลาง
|
จากตารางที่ 10 แสดงให้เห็นว่า ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมีความเห็นว่าการดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล ในด้านงบประมาณ มีการดำเนินการในระดับปานกลาง ทั้งโดยภาพรวมและในรายข้อ ( =3.24) เมื่อพิจารณาในรายข้อ พบว่า ข้อที่มีการดำเนินการมากที่สุดคือ รายได้จากการจัดกิจกรรมของศูนย์ ฯ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ฯอยู่ได้อย่างต่อเนื่อง ( =4.64) และข้อที่มีการดำเนินการต่ำสุดคือ งบประมาณที่รัฐจัดให้มีความเพียงพอในการบริหารจัดการศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ฯ ( =1.84)
2.2.4 ความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องต่อการดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียน
ภูมิปัญญาไทย ของแม่ครูราตรี ศรีวิไล ด้านผู้เรียน
ตารางที่ 11 แสดงค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องต่อการดำเนิน
การศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล ด้านผู้เรียน
ตามคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง (n=113)
การศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล ด้านผู้เรียน
ตามคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง (n=113)
การดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์ฯ
ด้านผู้เรียน
|
ระดับความคิดเห็น
| ||||
.
|
S.D.
|
ความหมาย
|
ลำดับที่
| ||
1.
|
ผู้เรียนเห็นความสำคัญของการสอนหมอลำในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ฯ
|
4.80
|
.41
|
มากที่สุด
|
2
|
2.
|
ผู้เรียนต้องการเรียนเพิ่มเติมนอกเหนือจากการเรียนในโรงเรียน (การศึกษาในระบบ)
|
4.81
|
.39
|
มากที่สุด
|
1
|
3.
|
ผู้เรียนได้ประโยชน์จากการเรียนที่ศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ฯ
|
4.77
|
.41
|
มากที่สุด
|
3
|
4.
|
ผู้เรียนมีความพร้อมในด้านเวลาของการมาเรียนที่ศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ฯ
|
4.48
|
.53
|
มาก
|
6
|
5.
|
ผู้เรียนมีความสนใจ ใฝ่รู้ ในการเรียนหมอลำของศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ฯ
|
4.67
|
.47
|
มากที่สุด
|
5
|
6.
|
ผู้เรียนมีความมุ่งมานะ พยายามในการฝึกเรียนหมอลำ จากศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ฯ
|
4.75
|
.49
|
มากที่สุด
|
4
|
โดยรวม
|
4.71
|
.26
|
มากที่สุด
|
-
|
2.2.5 ความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องต่อการดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียน
ภูมิปัญญาไทย ของแม่ครูราตรี ศรีวิไล ด้านกิจกรรมการเรียนการสอน
ตารางที่ 12 แสดงค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องต่อการดำเนิน
การศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ของแม่ครูราตรี ศรีวิไล
ด้านกิจกรรมการเรียนการสอน ตามคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง (n=113)
การศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ของแม่ครูราตรี ศรีวิไล
ด้านกิจกรรมการเรียนการสอน ตามคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง (n=113)
การดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์ฯ
ด้านกิจกรรมการเรียนการสอน
|
ระดับความคิดเห็น
| ||||
X
|
S.D.
|
ความหมาย
|
ลำดับที่
| ||
1.
|
การจัดการเรียนการสอนมีระบบและเป้าหมายที่ชัดเจน
|
4.55
|
.54
|
มากที่สุด
|
10
|
2.
|
มีการแยกความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเรียนการสอน
|
4.69
|
.46
|
มากที่สุด
|
2
|
3.
|
มีการเสริมแรงจูงใจในขณะที่สอนอยู่ตลอดเวลา
|
4.72
|
.44
|
มากที่สุด
|
1
|
4.
|
ผู้เรียนได้คิดเอง ทำเอง ปฏิบัติเอง ในขณะที่เรียน
|
4.66
|
.47
|
มากที่สุด
|
5
|
5.
|
ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการแสดงกิจกรรมต่าง ๆ ในการเรียน
|
4.67
|
.47
|
มากที่สุด
|
4
|
6.
|
วิธีการถ่ายทอดความรู้มีขั้นตอนชัดเจน เป็นระบบและแบบแผน
|
4.65
|
.49
|
มากที่สุด
|
6
|
7.
|
การเรียนการสอนเข้าใจง่ายและนำไปปฏิบัติได้จริง
|
4.63
|
.48
|
มากที่สุด
|
7
|
8.
|
ผู้เรียนมีความรู้สึกมั่นใจและตั้งใจในขณะที่เรียน
|
4.60
|
.49
|
มากที่สุด
|
9
|
9.
|
กิจกรรมการเรียนการสอนไม่น่าเบื่อหน่าย
|
4.63
|
.50
|
มากที่สุด
|
8
|
10.
|
ผู้เรียนรู้สึกอบอุ่นเมื่อได้มาเรียนอย่างใกล้ชิดกับ
ครูภูมิปัญญาไทย ฯ |
4.69
|
.46
|
มากที่สุด
|
3
|
โดยรวม
|
4.65
|
.28
|
มากที่สุด
|
-
|
จากตารางที่ 12 แสดงให้เห็นว่า ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมีความคิดเห็นของการดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยของศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทของแม่ครูราตรี ศรีวิไล ในด้านกิจกรรมการเรียนการสอน มีการดำเนินการในระดับมากที่สุดทั้งโดยภาพรวมและในรายข้อ (
2.2.6 ความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องต่อการดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียน
ภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล ด้านผลกระทบต่อสังคม
ตารางที่ 13 แสดงค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องต่อการ
ดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ของแม่ครูราตรี ศรีวิไล
ดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ของแม่ครูราตรี ศรีวิไล
ด้านผลกระทบต่อสังคม ตามคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง (n=113)
การดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์ฯ
ด้านผลกระทบต่อสังคม
|
ระดับความคิดเห็น
| ||||
X
|
S.D.
|
ความหมาย
|
ลำดับที่
| ||
1.
|
การสอนของศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ฯ ช่วยให้ผู้เรียนมีอาชีพหาเลี้ยงชีพได้
|
4.69
|
.46
|
มากที่สุด
|
4
|
2.
|
กลอนลำของแม่ครูราตรี ศรีวิไลที่ได้รับการเผยแพร่ในรูปแบบของสื่อต่างๆ เป็นส่วนซึ่งทำให้ศิลปะหมอลำดำรงอยู่ได้
|
4.74
|
.43
|
มากที่สุด
|
3
|
3.
|
แม่ครูราตรี ศรีวิไลเป็นผู้ที่ช่วยสืบสานภูมิปัญญาไทยถิ่นอีสานให้มีชีวิตชีวาและยั่งยืนต่อไป
|
4.76
|
.42
|
มากที่สุด
|
2
|
4.
|
แม่ครูราตรี ศรีวิไลทำให้คนทั่วไปเห็นความสำคัญของหมอลำ
|
4.59
|
.51
|
มากที่สุด
|
5
|
5.
|
ศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไลช่วยในการอนุรักษ์ศิลปะพื้นบ้าน ของหมอลำอีสานไว้
|
4.80
|
.39
|
มากที่สุด
|
1
|
โดยรวม
|
4.71
|
.20
|
มากที่สุด
|
-
|
จากตารางที่ 13 แสดงให้เห็นว่า ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมีความคิดเห็นของการดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยของศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทของแม่ครูราตรี ศรีวิไล ในด้านผลกระทบต่อสังคม มีการดำเนินการในระดับมากที่สุดทั้งโดยภาพรวมและในรายข้อ (X =4.71) เมื่อพิจารณาในรายข้อ พบว่า ข้อที่มีการดำเนินการมากที่สุดคือ ศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไลช่วยในการอนุรักษ์ศิลปะพื้นบ้านของหมอลำอีสานไว้( X =4.80) รองลงมาได้แก่ แม่ครูราตรี ศรีวิไลเป็นผู้ที่ช่วยสืบสานภูมิปัญญาไทยถิ่นอีสานให้มีชีวิตชีวาและยั่งยืนต่อไป ( X =4.76) กลอนลำของแม่ครูราตรี ศรีวิไลที่ได้รับการเผยแพร่ในรูปแบบของสื่อต่างๆ เป็นส่วนซึ่งทำให้ศิลปะหมอลำดำรงอยู่ได้( X =4.74) และข้อที่มีการดำเนินการต่ำสุดคือ แม่ครูราตรี ศรีวิไลทำให้คนทั่วไปเห็นความสำคัญของหมอลำ (X =4.59)
2. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากการวิจัยเชิงคุณภาพ
ผลการวิเคราะห์ชีวประวัติและผลงานของแม่ครูราตรี ศรีวิไล และหาแนวทางอนุรักษ์
ภูมิปัญญาไทยถิ่นอีสาน (หมอลำ)โดยทำการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ มีหัวข้อดังต่อไปนี้
2.1 ชีวประวัติและผลงานแม่ครูราตรี ศรีวิไล
แม่ครูราตรี ศรีวิไล เดิมชื่อ นางราตรีสวัสดิ์ อุ่นทะยา เกิดเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2495 เกิดที่อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ปัจจุบันอายุ 59 ปี ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น ราตรีศรีวิไล บงสิทธิพร มีนามปากกาว่า “หมอลำราตรี ศรีวิไล” บิดาชื่อนายเสริม นาห้วยทราย มารดาชื่อนางหมุน นาห้วยทราย มีอาชีพศิลปินหมอลำกลอนและนักประพันธ์กลอนลำ มีพี่น้องทั้งหมด 7 คน เป็นชาย 2 คน หญิง 5 คน ส่วนผลงานของแม่ครูราตรี ศรีวิไลนั้นมีมากมายเช่น การแต่งกลอนลำรณรงค์เผยแพร่ช่วยงานสังคม เป็นวิทยากรตามสถาบันการศึกษาต่าง ๆ เป็นต้น (ผลการวิจัยได้นำเสนออย่างละเอียดและสมบูรณ์ในบทที่ 5)
2.2 การจ้างงานและกิจกรรมการแสดงของหมอลำกลอนย้อนยุค และหมอลำกลอนประยุกต์ (หมอลำซิ่ง)
แนวทางในการอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยถิ่นอีสาน (หมอลำ) ของศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล ในระหว่าง ปีพ.ศ. 2547-2554 จากสถิติของการแสดงหมอลำกลอนประยุกต์ (หมอลำซิ่ง) และหมอลำกลอนย้อนยุกต์ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2547-2554 พบว่า
ในปีพ.ศ. 2547-2549 การจ้างแสดงของหมอลำกลอนประยุกต์ (หมอลำซิ่ง) มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 80 การจ้างแสดงของหมอลำกลอนย้อนยุคมีค่าเฉลี่ยร้อยละ 20 เป็นเพราะว่าในช่วงนี้เป็นค่านิยมของผู้ฟังหมอลำกลอนประยุกต์ (หมอลำซิ่ง) ราคาการจ้างอยู่ในหลักพันเป็นต้นไปผู้ที่มาว่าจ้าง (เจ้าภาพ)ไปแสดงส่วนมากก็จะจ้างหมอลำไปแสดงในงาน ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ทำบุญแจกข้าว (อุทิศส่วนกุศล) และงานฉลองสมโภชต่าง ๆ เป็นต้น จึงเกินความจำเป็นในจ้างหมอลำคณะใหญ่เพราะมีราคาแพงเกินทุนของการจ้าง ส่วนหมอลำกลอนย้อนยุคที่ถูกจ้างน้อยนั้นอาจเป็นเพราะว่าดนตรีไม่เร้าใจกลุ่มของวัยรุ่น ส่วนใหญ่แล้วจะมีแต่วัย 40-50 ขึ้นไป ที่ดูหมอลำกลอนย้อนยุค และราคาก็ไม่ต่างกันมากกับหมอลำกลอนประยุกต์ (หมอลำซิ่ง) ผู้ว่าจ้างหมอลำจึงเลือกที่จะจ้างหมอลำกลอนประยุกต์
(หมอลำซิ่ง)มาชม
ในปีพ.ศ. 2550-2551 การจ้างแสดงของหมอลำกลอนประยุกต์ (หมอลำซิ่ง) มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 60 การจ้างแสดงของหมอลำกลอนย้อนยุค มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 40 เป็นเพราะว่าในช่วงนี้หมอลำกลอนประยุกต์ (หมอลำซิ่ง) นั้นผู้ว่าจ้างยังให้ความนิยมจ้างหมอลำไปทำการแสดงอยู่ เพราะราคาไม่แพงจนเกินไปสามารถจ้างไปแสดงได้สะดวกกว่าหมอลำคณะใหญ่ที่มีราคาค่อนข้างแพงเลยไม่สามารถจ้างได้สำหรับคนที่มีทุนน้อยจึงหันไปจ้างหมอลำกลอนประยุกต์ (หมอลำซิ่ง) แทน ส่วนหมอลำกลอนย้อนยุคนั้นอาจเป็นเพราะว่าดนตรีไม่เร้าใจไม่ถูกใจกลุ่มของผู้ฟังที่เป็นวัยรุ่นเพราะไม่ได้เต้นหน้าเวทีแต่ในช่วงนี้หมอลำกลอนย้อนยุคก็ได้เริ่มมีการจ้างไปแสดงขึ้นมาบ้างแล้วอาจเป็นเพราะหมอลำกลอนประยุกต์ (หมอลำซิ่ง)เกิดการทะเลาะวิวาทกันมากขึ้นผู้ว่าจ้าง (เจ้าภาพ) ควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ทำให้หมอลำต้องหยุดเล่นกลางครัน ผู้ว่าจ้างจึงเริ่มหันมากจ้างหมอลำกลอนย้อนยุคเพื่อลดการทะเลาะวิวาทกันหน้าเวทีหมอลำแต่ก็ยังมีจ้างหมอลำกลอนประยุกต์ (หมอลำซิ่ง) อยู่มากมาแสดง
ในปีพ.ศ. 2552-2554 การจ้างแสดงของหมอลำกลอนประยุกต์ (หมอลำซิ่ง) มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 50 การจ้างแสดงของหมอลำกลอนย้อนยุค มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 50 เป็นเพราะว่าผลกระทบของการทะเลาะวิวาทกันหน้าเวทีหมอลำนั้น ทำให้ส่งผลกระทบไปถึงการจ้างงานหมอลำไปแสดง และปัญหาการทะเลาะกันของวัยรุ่นชายนั้นจะเกิดจากการแสดงหมอลำกลอนประยุกต์ (ลำซิ่ง)มากที่สุดเพราะมีดนตรีที่เร้าใจผู้ฟัง จึงเป็นเหตุให้ ปี 2552-2554 นี้ หมอลำกลอนย้อนยุคได้กระเตื้องขึ้นมาถึงร้อยละ 50 คือมีผู้สนใจมาจ้างงานมากขึ้นเพราะลดการทะเลาะวิวาทกันหน้าเวทีลงได้เป็นอย่างมาก ส่วนหมอลำคณะใหญ่ ๆ (ลำเรื่องต่อกลอน) ก็มีราคาค่อนข้างแพงเกินทุนของผู้ว่าจ้าง และสถานที่ก็ไม่มีให้หมอลำตั้งเวที จึงเป็นเหตุให้หมอลำกลอนย้อนยุคมีแนวโน้มจะหวนกลับคืนมาอีกครั้ง
วิเคราะห์สรุปการเปลี่ยนแปลงของผู้เรียนที่สนใจเรียนหมอลำกลอนย้อนยุค และหมอลำกลอนประยุกต์ (หมอลำซิ่ง) ดังนี้
ในปีพ.ศ. 2547-2551 มีผู้ที่สนใจเรียนหมอลำทั้งผู้ชายและผู้หญิงโดยมีจำนวนที่เท่ากันคือ ร้อยละ 90 อาจเป็นเพราะว่าในช่วงนี้มีผู้มาจ้างงานเป็นจำนวนมาก ส่งผลไปถึงผู้ที่มีใจรักทางด้านการแสดงหมอลำ มีจิตวิญญาณทางด้านหมอลำ อยากเป็นศิลปิน อยากสืบทอดและถ่ายทอดให้ผู้อื่นต่อไป ผู้ที่สนใจเรียนหมอลำจึงได้ทำการแสวงหาครูที่จะถ่ายทอดความรู้หมอลำนี้ให้ จึงได้เลือกมาเรียนที่ศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล เหตุที่ผู้เรียนเลือกที่จะมาเรียนที่ศูนย์การเรียน
ภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล เป็นเพราะว่า ผู้เรียนอยากเรียนกับครูหมอลำที่เป็นต้นฉบับ (ผู้ก่อตั้ง) หมอลำกลอนประยุกต์ (ลำซิ่ง) และเห็นการเรียนการสอนที่ควบคู่ไปกับคุณธรรมจริยธรรม และการแสดงอยู่ภายใต้จารีตประเพณี ไม่นำความเสื่อมเสียมาให้กับวัฒนธรรม ในช่วง พ.ศ. 2547-2551 จึงมีผู้มาเรียนหมอลำกับแม่ครูราตรี ศรีวิไล อย่างไม่ขาดสาย
ในปีพ.ศ. 2552-2554 ผู้ที่สนใจเรียนหมอลำที่เป็นผู้หญิงได้ลดจำนวนลงอย่างมาก ส่วนผู้ชายหันกลับมาเรียนหมอลำเพิ่มมากขึ้น เหตุที่ทำให้ผู้หญิงลดน้อยลงเป็นเพราะว่า สถานการณ์หน้าเวทีขณะที่แสดงลำอยู่นั้นเกิดเหตุการณ์ที่ไม่เหมาะสม เช่น เกิดการลวนลามจับมือหมอลำหญิง กระฉากตกเวที เป็นต้น และลำบากในการเดินทางไปทำการแสดงในสถานที่ต่าง ๆ ทำให้พ่อแม่ไม่ยินยอมที่จะให้ลูกมาแสดงหมอลำ เพราะในปัจจุบันนี้ผู้หญิงมีทางเลือกในการทำงานมากมาย เช่น กาเรียนหนังสือในโรงเรียน (ในระบบ) ทำงานบริษัท ทำงานห้าง ทำงานโรงงาน เป็นต้น ส่วนผู้ชายนั้นมีจำนวนการมาเรียนที่ศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล เพิ่มขึ้นอย่างมากสาเหตุอาจจะเป็นเพราะผู้ชายสะดวกต่อการมาเรียน ครอบครัวไม่เป็นห่วงมากในการมาเรียน สะดวกต่อการออกงานไปแสดง รวมไปถึงมีใจรักที่อยากจะเรียนหมอลำและอยากเป็นศิลปินในอนาคต
2.3 ความเหมาะสมและประโยชน์ที่ได้จากศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของ
แม่ครูราตรี ศรีวิไล
แม่ครูราตรี ศรีวิไล
ตารางที่ 14 แสดงความเหมาะสมและประโยชน์ที่ได้จากศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของ
แม่ครูราตรี ศรีวิไล
แม่ครูราตรี ศรีวิไล
สถานภาพ
|
ความเหมาะสมและประโยชน์
| |
1.
|
ครอบครัว
แม่ครู ราตรี ศรีวิไล |
1. เหมาะสมเพราะเป็นสถานที่อนุรักษ์ภูมิปัญญาหมอลำของบรรพบุรุษที่มีมาแต่โบราณ รวมทั้งให้คนรุ่นใหม่และลูกหลานได้สืบทอดประเพณีตลอดไป
2. มีประโยชน์เพราะเป็นแหล่งเรียนรู้ทางด้านวัฒนธรรมหมอลำอีสานที่มีมาตั้งแต่บรรพบุรุษช่วยส่งเสริมนักเรียน นักศึกษาที่อยากเรียนรู้เรื่องหมอลำ ได้เข้ามาศึกษาอย่างจริงจัง
|
2.
|
คณะกรรม
การศูนย์การเรียนฯ
|
1. เหมาะสมเพราะหมอลำราตรี ศรีวิไลนั้น มีความรู้พื้นฐานมาจากบรรพบุรุษที่เป็นหมอลำมาก่อนรวมไปถึงเป็นผู้มีภูมิปัญญาดั่งเดิมอยู่แล้ว จึงสามารถทำการสอนและถ่ายทอดให้ผู้เรียนได้ดี และยังทำการศึกษาพัฒนาความรู้ของตนเองอยู่เสมอโดยการไปศึกษาต่อในระดับ ปริญญาโท และปริญญาเอก
2. มีประโยชน์ เพราะได้สืบสานศิลปะหมอลำต่อจากบรรพบุรุษ เมื่อผู้เรียนมาเรียนรู้ในศูนย์ฯ แล้วสามารถนำไปใช้ได้จริงได้รับการยกย่องจากสังคม จึงทำให้มีผู้สนใจเข้ามาเรียนแล้วนำไปเผยแพร่ รวมไปถึงศูนย์ ฯ ได้มีประโยชน์ต่อหน่วยงานราชการเช่น ศาลากลางจังหวัดขอนแก่นใช้หมอลำที่ศูนย์ ฯเป็นสื่อทางด้านรณรงค์เรื่องต่าง ๆ ช่วยให้ดึงดูดผู้คนเข้ามาดูการ
|
ตารางที่ 14 (ต่อ)
สถานภาพ
|
ความเหมาะสมและประโยชน์
| |
แสดงมากเพราะแม่ครูราตรี ศรีวิไล เป็นต้นฉบับหมอลำกลอนประยุกต์และมีชื่อเสียงทำให้สื่อข้อมูลที่หมอลำเผยแพร่ออกไปเกิดประโยชน์มากที่สุดต่อสังคม
| ||
3.
|
ลูกศิษย์
|
1. เหมาะสม ทั้งการเผยแพร่ การเรียนการสอน และการแสดงหมอลำได้นำไปเผยแพร่ ช่วยส่งเสริมศิลปะหมอลำส่งเสริมให้ผู้ที่สนใจอยากเรียนหมอลำได้เข้ามาเรียนอย่างแท้จริง
2. มีประโยชน์ ในด้านการสอนลูกศิษย์ได้มีอาชีพ มีงานทำ มีรายได้ และได้สืบสานวัฒนธรรมหมอลำสืบต่อไป |
4.
|
บุคคลอื่น ๆ
|
1. เหมาะสมเพราะศูนย์ฯสร้างลูกศิษย์ให้มีอาชีพและเปิดกว้างให้กับผู้ที่สนใจเข้ามาเรียนหมอลำ อยากเป็นศิลปินได้ทุกเวลา เช่น เรียนประจำ เรียนทางไปรษณีย์ และเรียนภาคฤดูร้อน
เป็นต้น
2. มีประโยชน์ได้นำความรู้ไปใช้ในงานวิจัยระดับบัณฑิตศึกษา พร้อมทั้งได้นำความรู้ที่เรียนจากศูนย์ ฯ ไปใช้ในการแสดงในงานต่าง ๆ รวมไปถึงได้เป็นแนวทางในการส่งเสริมหมอลำ อนุรักษ์หมอลำ และฟื้นฟูหมอลำด้วย |
2.3 ทิศทางการเปลี่ยนแปลงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของ
แม่ครูราตรี ศรีวิไลในอนาคต
ตารางที่ 15 แสดงทิศทางการเปลี่ยนแปลงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของ
แม่ครูราตรี ศรีวิไลในอนาคต
แม่ครูราตรี ศรีวิไลในอนาคต
สถานภาพ
|
ทิศทางการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับศูนย์ ฯ
| |
1.
|
ครอบครัวแม่ครูราตรี ศรีวิไล
|
1.พยายามหาแนวทางประนีประนอมกล่าวคือทั้งยึดมั่นในสาระสำคัญในการอนุรักษ์
ภูมิปัญญาไทย (หมอลำ) ของศูนย์ ฯ แต่ขณะเดียวกันก็ปรับเปลี่ยนตามกระแสเปลี่ยนแปลง และความต้องการของสังคม
|
2.
|
คณะกรรมการศูนย์การเรียนฯ
|
1.พยายามหาแนวทางประนีประนอมกล่าวคือทั้งยึดมั่นในสาระสำคัญในการอนุรักษ์
ภูมิปัญญาไทย (หมอลำ) ของศูนย์ ฯ แต่ขณะเดียวกันก็ปรับเปลี่ยนตามกระแสเปลี่ยนแปลง และความต้องการของสังคม
|
3.
|
ลูกศิษย์
|
1.ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและการทำงานของศูนย์ ฯ ตามกระแสการเปลี่ยนแปลง และความต้องการของสังคม
|
4.
|
บุคคลอื่น ๆ
|
1.ยืนหยัดแนวทางตามที่ศูนย์ ฯ ได้ปฏิบัติมาแล้วอย่างเคร่งครัดในการอนุรักษ์
ภูมิปัญญา (หมอลำ)
|
2.4 ผลกระทบของศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไลในแต่ละด้าน
ตารางที่ 16 แสดงผลกระทบของศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไลในแต่ละด้าน
สถานภาพ
|
ผลกระทบของศูนย์ ฯ
| |
1.
|
ครอบครัวแม่ครูราตรี
ศรีวิไล |
1.ยืนหยัดอยู่ได้เพราะ ถ้าหากคนไทยทุกคนร่วมกันอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย (หมอลำ) แล้ว ก็จะยั่งยืน และหน่วยงานทางราชการต้องเข้ามามีส่วนร่วมช่วยส่งเสริม จัดทำหลักสูตรที่สามารถนำเข้าไปใช้ในการเรียนการสอนในโรงเรียนได้
2.มีความมุ่งมั่นมากเพราะอยากให้ลูกหลานที่เป็นนักเรียน นักศึกษาที่มาเรียนหมอลำ ได้เห็นคุณค่าของหมอลำที่บรรพบุรุษได้สืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน
3.แนวทางในการปรับปรุงศูนย์ ฯโดยให้หน่วยงานราชากรส่งเสริมให้ความสำคัญแก่ศูนย์ ฯ โดยการออกเยี่ยมการดำเนินการของศูนย์ ฯ คอยให้คำปรึกษา จัดอบรมให้แก่ศูนย์ ฯ เพื่อที่ศูนย์ ฯจะได้มีข้อเสนอแนะที่จะนำปรับปรุงศูนย์ ฯต่อไป
|
2.
|
คณะกรรมการศูนย์การเรียน
|
1.ยืนหยัดอยู่ได้เพราะหมอลำเป็นพื้นฐานจาก พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย จึงยากที่จะสูญหาย แต่อาจจะมีบางช่วงที่หมอลำได้ซบเซาลงบ้างอาจเป็นเพราะมีสื่อใหม่ ๆ เกิดขึ้นแล้วเข้ามาแทรกหมอลำ เช่น ตลก ลำกลอนประยุกต์ ทำให้คนนิยมหมอลำกลอนน้อยลงแต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนี้หมอลำกำลังฟื้นฟูขึ้นอีกครั้ง
2.มีความมุ่งมั่นมาก โดยการทำการจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์หมอลำ นำหมอลำมาประยุกต์เปลี่ยนแปลงพัฒนาจัดเผยแพร่ทำเป็นนิทรรศการในกิจกรรมต่าง ๆ เข้าไปส่งเสริมสนับสนุนศิลปะพื้นบ้านหมอลำ ช่วยเชิญให้หมอลำไปแสดงตามงานต่าง ๆโดยไม่ให้อยู่นิ่งเฉย ให้หมอลำได้ใช้ภูมิปัญญาที่สะสมไว้ให้เกิดประโยชน์ และรวมไปถึงการผลักดันให้มีการเรียนการสอนหมอลำในโรงเรียน และในมหาวิทยาลัย
3.แนวทางปรับปรุงศูนย์ ฯโดยการ จัดทำหลักสูตรหมอลำให้มีมาตรฐานและชัดเจน นำเข้ามาสู่ขั้นตอนของกระบวนการศึกษา จัดพิมพ์เอกสารหมอลำให้ผู้สนใจมาสืบต่อ เก็บรวบรวมข้อมูลหมอลำไว้ให้มากที่สุดเพื่อเผยแพร่ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อ ฟื้นฟูหมอลำขึ้นมาให้มากที่สุดโดยแนะนำผลักดันให้คนเข้ามาศึกษาและนำไปเผยแพร่ต่อไป ทำการประยุกต์หมอลำแบบเก่าให้เข้ากับสมัยใหม่มากที่สุด ทำการนำเสนอหมอลำในทางวิชาการเช่น การแสดง การเสวนา และการประชุมวิชาการในด้านหมอลำ ทำการประชาสัมพันธ์หมอลำให้มากที่สุด อบรมบ่มเพาะให้ลูกศิษย์ไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง และหน่วยงานของรัฐบาลควรช่วยส่งเสริมงบประมาณโดยการเข้ามาสนับสนุนในเรื่องค่าใช้จ่ายในการเรียนการสอนหมอลำด้วย
|
ตารางที่ 16 (ต่อ)
สถานภาพ
|
ผลกระทบของศูนย์ ฯ
| |
3.
|
ลูกศิษย์
|
1.ยืนหยัดอยู่ได้แต่ต้องปรับเปลี่ยนประยุกต์พัฒนาไปตามเหตุการณ์ของสังคม แต่ต้องยืนอยู่บนพื้นฐานของการอนุรักษ์วัฒนธรรมพื้นบ้านอีสานไว้ รวมทั้งศูนย์ ฯ ของแม่ครูราตรี ศรีวิไลพร้อมที่จะเปิดสอนหมอลำอย่างเป็นระบบ และหน่วยงานทางราชการยังสนับสนุนหมอลำนำไปเผยแพร่อยู่ หมอลำจึงยังคงอยู่รอดได้ทั้งในปัจจุบัน และในอนาคต
2.มีความมุ่งมั่นมากเพราะตามแนวทางที่ศูนย์ ฯ ได้ดำเนินการมามีแต่การสร้างลูกศิษย์ให้มีความรู้ทางด้านการเป็นศิลปิน หมอลำ หมอแคน และคอยช่วยสนับสนุนให้ลูกศิษย์ให้มีการศึกษาจนจบสายสามัญ ม.6 กันเกือบทุกคน
3.แนวทางในการปรับปรุงศูนย์ ฯ นั้นช่วยสนับสนุนในด้านการมาเป็นครูผู้ช่วยสอนในศูนย์ ฯ หลังจากที่ได้เรียนหมอลำ หมอแคน สำเร็จแล้วรวมไปถึงอยากให้รัฐบาลส่งเงินสนับสนุนทุนทางด้านการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนรวมไปถึงสื่อการสอนด้วย
|
4.
|
บุคคลอื่น ๆ
|
1.ยืนหยัดอยู่ได้เพราะแม่ครูราตรี ศรีวิไลได้ปรับเปลี่ยนวิธีการเรียน การสอนอยู่เสมอตลอดเวลาตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและถ้าหากทุกคนเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของหมอลำได้ตามยุคตามสมัยสังคมไทยที่เปลี่ยนไปโดยการไม่ยึดติดกับสิ่งเก่า ๆ มากจนเกินไป แต่ยังคงความเป็นวัฒนธรรมอยู่ไม่ได้ทิ้งแต่ต้องปรับเปลี่ยน
2.มีความมุ่งมั่นมากถึงขั้นศึกษาหาความรู้เรื่องหมอลำอยู่ตลอดเวลา อย่างไม่หยุดยั้งเพราะสังคมเปลี่ยนจึงต้องหาทางฟื้นฟู และเยียวยาหมอลำต่อไป
3.แนวทางในการปรับปรุงศูนย์ ฯ ได้แก่ องค์กรต่าง ๆ ควรเข้ามาสนับสนุนศูนย์ ฯ ให้มากที่สุด สำนักวัฒนธรรมควรส่งเสริมหมอลำให้มากขึ้น เพื่อศูนย์ ฯ จะได้ดำรงอยู่ได้ จัดทำหลักสูตรให้มีมาตรฐาน จัดทำการวัดผลประเมินผลการสอน และให้ใบประกาศต่อผู้ที่เข้ามาอบรมในศูนย์ ฯ
|
จากผลการวิเคราะห์การหาแนวทางอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยถิ่นอีสาน (หมอลำ) สามารถนำมาสรุปได้ 8 ประเด็นดังต่อไปนี้
1. ควรทำการจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์หมอลำ เพื่อนำหมอลำมาประยุกต์เปลี่ยนแปลงพัฒนาจัดเผยแพร่ทำเป็นนิทรรศการในกิจกรรมต่าง ๆ
2. รัฐบาลควรเข้าไปส่งเสริมสนับสนุนศิลปะพื้นบ้าน (หมอลำ) รวมไปถึงเชิญให้หมอลำไปแสดงตามงานหรือทำกิจกรรมต่าง ๆโดยไม่ให้หมอลำอยู่นิ่งเฉย
3. ควรส่งเสริมให้คนที่เป็นหมอลำได้ใช้ภูมิปัญญาที่สะสมไว้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด และรวมไปถึงการผลักดันให้มีการเรียนการสอนหมอลำในโรงเรียน และในมหาวิทยาลัยเพื่อฟื้นฟูหมอลำขึ้นมาให้มากที่สุดโดยแนะนำผลักดันให้คนเข้ามาศึกษาและนำไปเผยแพร่ต่อไป
4. ทำการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลหมอลำไว้ให้มากที่สุดเพื่อเผยแพร่ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อไป
5. จัดทำหลักสูตรหมอลำให้มีมาตรฐานและชัดเจนมากที่สุดแล้วนำเข้าสู่ขั้นตอนของกระบวนการศึกษาอย่างจริงจัง และจัดพิมพ์เอกสารหมอลำให้ผู้สนใจมาศึกษาต่ออย่างต่อเนื่อง
6. ทำการประยุกต์หมอลำแบบเก่าให้เข้ากับสมัยใหม่มากที่สุด พร้อมทั้งนำเสนอหมอลำในทางวิชาการด้วย เช่น การแสดง การเสวนา และการประชุมวิชาการ และหมอลำนั้นควรมีการประชาสัมพันธ์จุดเด่นของตนให้มากที่สุด
7. คอยอบรมบ่มเพาะให้ลูกศิษย์ไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง
8. หน่วยงานของรัฐบาลควรช่วยส่งเสริมงบประมาณโดยการเข้ามาสนับสนุนในเรื่องค่าใช้จ่ายในการเรียนการสอนหมอลำด้วย
1. ควรทำการจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์หมอลำ เพื่อนำหมอลำมาประยุกต์เปลี่ยนแปลงพัฒนาจัดเผยแพร่ทำเป็นนิทรรศการในกิจกรรมต่าง ๆ
2. รัฐบาลควรเข้าไปส่งเสริมสนับสนุนศิลปะพื้นบ้าน (หมอลำ) รวมไปถึงเชิญให้หมอลำไปแสดงตามงานหรือทำกิจกรรมต่าง ๆโดยไม่ให้หมอลำอยู่นิ่งเฉย
3. ควรส่งเสริมให้คนที่เป็นหมอลำได้ใช้ภูมิปัญญาที่สะสมไว้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด และรวมไปถึงการผลักดันให้มีการเรียนการสอนหมอลำในโรงเรียน และในมหาวิทยาลัยเพื่อฟื้นฟูหมอลำขึ้นมาให้มากที่สุดโดยแนะนำผลักดันให้คนเข้ามาศึกษาและนำไปเผยแพร่ต่อไป
4. ทำการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลหมอลำไว้ให้มากที่สุดเพื่อเผยแพร่ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อไป
5. จัดทำหลักสูตรหมอลำให้มีมาตรฐานและชัดเจนมากที่สุดแล้วนำเข้าสู่ขั้นตอนของกระบวนการศึกษาอย่างจริงจัง และจัดพิมพ์เอกสารหมอลำให้ผู้สนใจมาศึกษาต่ออย่างต่อเนื่อง
6. ทำการประยุกต์หมอลำแบบเก่าให้เข้ากับสมัยใหม่มากที่สุด พร้อมทั้งนำเสนอหมอลำในทางวิชาการด้วย เช่น การแสดง การเสวนา และการประชุมวิชาการ และหมอลำนั้นควรมีการประชาสัมพันธ์จุดเด่นของตนให้มากที่สุด
7. คอยอบรมบ่มเพาะให้ลูกศิษย์ไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง
8. หน่วยงานของรัฐบาลควรช่วยส่งเสริมงบประมาณโดยการเข้ามาสนับสนุนในเรื่องค่าใช้จ่ายในการเรียนการสอนหมอลำด้วย