บทที่ 3 วิธีการดำเนินการวิจัย


                                                                                 บทที่ 3
                                                                        วิธีดำเนินการวิจัย

               การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียน
ภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น โดยใช้วิธีศึกษาแบบผสมผสาน (Mixed Methods) ทั้งเชิงปริมาณ และคุณภาพ โดยมีรายละเอียดในการดำเนินตามลำดับการวิจัยดังนี้
                1.  การวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research)
                      1.1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
                       1.2 เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล
                       1.3 การสร้างเครื่องมือ
                       1.4 การเก็บรวบรวมข้อมูลการวิจัย
                       1.5 การวิเคราะห์ข้อมูลและสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
                2.   การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research)
                       2.1  กลุ่มเป้าหมาย
                      2.2  เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล
                      2.3  การสร้างเครื่องมือ
                      2.4  การเก็บรวบรวมข้อมูลการวิจัย
                      2.5  การวิเคราะห์ข้อมูล

1.   การวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research)
               
                เพื่อศึกษาความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องต่อการดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
                1.  ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
                     1.1  ประชากร ที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ผู้มีความเกี่ยวข้องกับศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล จำนวน 160 คน จำแนกเป็น ครอบครัวแม่ครูราตรี ศรีวิไล จำนวน 3 คน คณะกรรมการที่ปรึกษาศูนย์การเรียน ฯ จำนวน 7 คน ลูกศิษย์ จำนวน 67 คน ครู-อาจารย์ จำนวน
13 คน และบุคคลอื่น ๆ จำนวน 70 คน
                     1.2  กลุ่มตัวอย่าง มีจำนวนรวม 113 คน กำหนดจำนวนตัวอย่างโดยใช้ตารางสำเร็จรูปของ Krejcie & Morgan และใช้วิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้น (Stratified Random Sampling)
(ทิพยา กิจวิจารณ์,  2552)  ได้แก่
               1. ครอบครัวแม่ครูราตรี ศรีวิไล จำนวน 3 คน
               2. คณะกรรมการที่ปรึกษาศูนย์การเรียน ฯ จำนวน 7 คน
               3. ลูกศิษย์ จำนวน 67 คน
               4. ครู-อาจารย์ จำนวน 10 คน
               5. บุคคลอื่น ๆ จำนวน 26 คน

2.  เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามเพื่อศึกษาสภาพการดำเนินการตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล เป็นแบบสอบถามมาตรส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ เพื่อสอบถามความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องต่อการดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ซึ่งผู้วิจัยสร้างขึ้นจากการศึกษาแนวคิดทฤษฏีและผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง โดยยึดวัตถุประสงค์และกรอบแนวคิดในการศึกษาเป็นหลัก แบ่งออกเป็น 2 ตอนคือ
                ตอนที่ 1 เป็นแบบสอบถามข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถามมีลักษณะเป็นแบบคำถามแบบตรวจสอบรายการ (Checklist)
                ตอนที่ 2 เป็นแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องต่อการดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล ใช้คำถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า
(Rating Scale) 5 ระดับ คือ
                5 หมายถึง มีการดำเนินการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด
                4 หมายถึง มีการดำเนินการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก
                3 หมายถึง มีการดำเนินการปฏิบัติอยู่ในระดับปานกลาง
                2 หมายถึง มีการดำเนินการปฏิบัติอยู่ในระดับน้อย
                1 หมายถึง มีการดำเนินการปฏิบัติอยู่ในระดับน้อยที่สุด
                โดยสอบถามเกี่ยวกับความคิดเห็นต่อการดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล  แบ่งออกเป็น 6 ด้าน คือ ด้านองค์กรและการบริหารจัดการ ด้านบุคลากร ด้านงบประมาณ ด้านกิจกรรมการเรียนการสอน ด้านผู้เรียน และด้านผลกระทบต่อสังคม

          3.  การสร้างแบบสอบถาม
                การสร้างแบบสอบถามได้ดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้
                     3.1  ศึกษาตำรา เอกสาร หลักการ แนวคิด เกี่ยวกับการดำเนินการตามอัธยาศัยในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล จากวรรณกรรมและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
                     3.2  ศึกษาหลักการและวิธีการสร้างแบบสอบถามจากตำรา เอกสารเกี่ยวกับการวิจัยทางการศึกษา
                     3.3  ร่างแบบสอบถามแล้วนำเสนออาจารย์ที่ปรึกษาการค้นคว้าอิสระ
(ดร.โกศล ศรีสังข์) เพื่อขอคำปรึกษาแนะนำ และตรวจสอบความเหมาะสม ความครอบคลุมข้อคำถามแล้วปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะของอาจารย์ที่ปรึกษา
                     3.4  นำแบบสอบถามที่แก้ไขปรับปรุงแล้ว เสนอผู้เชี่ยวชาญจำนวน 3 ท่าน คือ
รศ
.ดร.ประจิตร มหาหิง  รศ.วิโรจน์ มุทุกันต์  และดร.สังวาล เพียยุระ เพื่อพิจารณาตรวจสอบและให้ข้อเสนอแนะ
                     3.5  นำแบบสอบถามที่ปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญเสนออาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อขอความเห็นชอบอีกครั้ง
                     3.6  สร้างแบบสอบถามฉบับสมบรูณ์ เพื่อนำไปเก็บข้อมูลกับกลุ่มตัวอย่างต่อไป

4.  การเก็บรวบรวมข้อมูล
                     4.1  ขอหนังสือจากบัณทิตวิยาลัย  มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อขอความร่วมมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลวิจัย ไปยังศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
                     4.2  นำหนังสือขอความร่วมมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล  จากศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล ไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง เพื่อขอความร่วมมือในการเก็บข้อมูล
                    4.3 นำแบบสอบถามไปแจกกลุ่มตัวอย่างจำนวน 113 คน ซึ่งประกอบด้วย ครอบครัว
แม่ครูราตรี ศรีวิไล คณะกรรมการศูนย์ ฯ ลูกศิษย์ ครู-อาจารย์ นักศึกษา และบุคคลอื่น ๆ เพื่อตอบแบบสอบถาม และนัดเก็บแบบสอบถามภายใน 2 สัปดาห์ ในสัปดาห์ที่ 1 ได้รับแบบสอบถามกลับคืนมา จำนวน 80 ฉบับ คิดเป็น 70.80% ของแบบสอบถามทั้งหมด และในสัปดาห์ที่ 2 ได้รับแบบสอบถามกลับคืนมา จำนวน 33 ฉบับ คิดเป็น 29.20 % ของแบบสอบถามทั้งหมด ซึ่งมีความสมบูรณ์สามารถนำไปวิเคราะห์ได้ทุกฉบับ  


                5.  การวิเคราะห์ข้อมูลและสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
                     5.1 การวิเคราะห์ข้อมูล
                           5.1.ข้อมูลจากแบบสอบถามตอนที่ 1 ซึ่งเป็นคำถามแบบตรวจสอบรายการ (Checklist) ได้นำมาวิเคราะห์ โดยการแจกแจงความถี่ (Frequency) และหาค่าร้อยละ (Percentage)
                           5.1.2 ข้อมูลจากแบบสอบถามตอนที่ 2 ซึ่งเป็นคำถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale)  ได้นำมาวิเคราะห์ โดยหาค่าเฉลี่ย(Mean  : ) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
(Standard Deviation : S.D.)
เกณฑ์การแปลความหมายค่าเฉลี่ย ( ) (ทิพยา กิจวิจารณ์2552)
                ค่าเฉลี่ย 4.51 – 5.00           หมายถึง                มีการดำเนินการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด
                ค่าเฉลี่ย 3.51 – 4.50           หมายถึง                มีการดำเนินการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก
                ค่าเฉลี่ย 2.51 – 3.50           หมายถึง                มีการดำเนินการปฏิบัติอยู่ในระดับปานกลาง
                ค่าเฉลี่ย 1.51 – 2.50           หมายถึง                มีการดำเนินการปฏิบัติอยู่ในระดับน้อย
                ค่าเฉลี่ย 1.00 – 1.50           หมายถึง                มีการดำเนินการปฏิบัติอยู่ในระดับน้อยที่สุด
                สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย  (Mean : )
และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation : S.D.)

2.  การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research)

                ในการวิจัยเชิงคุณภาพมีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาชีวประวัติและผลงานแม่ครูราตรี ศรีวิไล  ผู้วิจัยได้เลือกศึกษาวิเคราะห์แบบเจาะลึกถึงชีวิตของแม่ครูราตรี ศรีวิไล (ผู้ให้ข้อมูลหลัก) และผู้ที่เกี่ยวข้องกับแม่ครูราตรี ศรีวิไล โดยใช้วิธีสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้าง รวมทั้งศึกษาวิเคราะห์เอกสาร รายงานที่เกี่ยวข้องแล้วทำบทสรุปการดำเนินการมีรายละเอียด ดังนี้

                1.  กลุ่มเป้าหมาย
                กลุ่มเป้าหมายในการวิจัยเชิงคุณภาพ ได้แก่ ผู้ให้ข้อมูลชีวประวัติและผลงานของ
แม่ครูราตรี ศรีวิไล  การบริหารจัดการในศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล และแนวทางในการอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยถิ่นอีสาน (หมอลำ) รวมจำนวน 15 คน ประกอบด้วย  
                      1.1  ผู้ให้ข้อมูลหลัก จำนวน 1 คน ได้แก่
                              1.1.แม่ครูราตรี ศรีวิไล
                      1.2   ครอบครัวแม่ครูราตรี ศรีวิไล จำนวน 2 คน ได้แก่
                              1.2.1  คุณพ่อวิชิต  บงสิทธิพร
                              1.2.2  หมอแคนโยพิกา ศรีวิไล
                      1.3  คณะกรรมการที่ปรึกษาศูนย์ฯ จำนวน 5 คน ได้แก่
                              1.3.1  พ่อครูเคน  ดาเหลา (ศิลปินแห่งชาติ)
                              1.3.2  รองศาตราจารย์ ดร. เจริญชัย  ชนไพโรจน์
                              1.3.3  ผู้ช่วยศาตราจารย์ทรงวิทย์  พิมพะกรรณ์
                              1.3.4  นายวัลลภ ศรีธรราษฎร์
                              1.3.5  นายประมวล  พิมพ์เสน
                      1.4  ลูกศิษย์ จำนวน 5 คน ได้แก่
                             1.4.1  หมอลำเดชา  ทรงศิลป์ 
                             1.4.2  หมอลำประวิทย์  เพชรลำชี  
                             1.4.3  หมอลำมานพ  เพชรคลองลาน
                             1.4.4  หมอลำพวงเพชร  กาละพันธ์
                             1.4.5  หมอลำนันทนา แก้วเสด็จ
                      1.5 บุคคลอื่น ๆ จำนวน 2 คน ได้แก่
                              1.5.1  อาจารย์สุรพล เนสุสินธุ์ (เป็นนิสิตปริญญาเอก สาขาดุริยางคศิลป์ (ดนตรีวิทยา)วิทยาลัยดุริยาคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม คอยบริการทางด้านเครื่องเสียง และดนตรี)
                              1.5.2  นายจักกฤช รักษาจันทร์ (นักศึกษาฝึกงานเรียนหมอลำ ประจำภาคฤดูร้อน เดือน มีนาคม-พฤษภาคม 2554)

                2.  เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล
                เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลการวิจัยเชิงคุณภาพเป็นแบบสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้าง โดยผู้วิจัยได้ศึกษาวิธีการสร้างเครื่องมือจากแนวทางของ ทิพยา กิจวิจารณ์ (2552)เครื่องมือที่ใช้ประกอบด้วย แบบสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้าง กล้องถ่ายรูป สมุดจดบันทึก เครื่องบันทึกเสียง และกล้องถ่ายวีดีโอ

                3.  การสร้างแบบสัมภาษณ์
                การสร้างแบบสัมภาษณ์ มีขั้นตอนดังนี้
 
                     3.1  ศึกษาแนวคิด ทฤษฏี เอกสาร ตำรา งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง และกรอบแนวคิดในการวิจัยเกี่ยวกับการดำเนินการศึกษาตามอัธยาศัยศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น เพื่อนำมาใช้เป็นแนวทางในการสร้างแบบสัมภาษณ์
                      3.2  นำข้อมูลที่ได้จากขั้นตอนที่ 3.1 มาเป็นประเด็นคำถามแบบสัมภาษณ์ แล้วนำเสนออาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อพิจารณาและให้ข้อเสนอแนะ
                      3.3  ปรับปรุงแบบสัมภาษณ์ตามข้อเสนอแนะของอาจารย์ที่ปรึกษา
                      3.4  นำแบบสัมภาษณ์ที่ปรับปรุงแล้วให้ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 3 ท่าน คือ
รศ
.ดร.ประจิตร มหาหิง รศ.วิโรจน์ มุทุกันต์ และดร.สังวาล เพียยุระ พิจารณาความเหมาะสมและความถูกต้องตามเนื้อหา ภาษา และความสอดคล้องเกี่ยวกับประเด็นคำถาม
                      3.5  เพื่อปรับปรุงแก้ไขแบบสัมภาษณ์ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญแล้วได้นำเสนออาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อขอความเห็นชอบก่อนนำไปเก็บข้อมูล
 
              
                4. การเก็บรวบรวมข้อมูล
 
                  4.1  นำหนังสือจากบัณฑิตวิทยาลัย สาขาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถึงผู้อำนวยการศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น เพื่อขออนุญาตเก็บรวบรวมข้อมูลการวิจัย ในการสัมภาษณ์
                    4.2  สร้างความสัมพันธ์กับผู้ให้ข้อมูลหลัก และกลุ่มเป้าหมาย พบปะพูดคุยเพื่อสร้างความคุ้นเคย  แจ้งวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูล
                    4.3  กำหนดนัดหมายวันเวลาที่จะดำเนินการสัมภาษณ์ที่แน่นอน เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้เตรียมตัว และเตรียมเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการเก็บรวบรวมข้อมูล
                    4.4  ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสัมภาษณ์กับกลุ่มเป้าหมาย ที่เป็นผู้ให้ข้อมูลหลัก (แม่ครูราตรี ศรีวิไล) ลูกศิษย์  คณะกรรมการที่ปรึกษาศูนย์ ครอบครัวแม่ครูราตรี ศรีวิไล และบุคคลอื่น ๆ โดยใช้วิธีการบันทึกเทป จดบันทึก และการสนทนา กับกลุ่มเป้าหมาย

                5.  การวิเคราะห์ข้อมูล     
                ผู้วิจัยทำการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์โดยใช้ การแปลความ การตีความ และใช้เทคนิคการตรวจสอบแบบสามเส้า (Methodological  Triangulation)  และนำเสนอข้อมูลโดยการพรรณนาวิเคราะห์ (Descriptive Analysis) เพื่ออธิบายชีวประวัติและผลงานของแม่ครูราตรี ศรีวิไล และหาแนวทางในการอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยถิ่นอีสาน (หมอลำ) ใน 5 ประเด็นดังนี้
                     5.1  ชีวประวัติและผลงานของแม่ครูราตรี ศรีวิไล
                     5.2 การจ้างงานและกิจกรรมการแสดงของหมอลำกลอนย้อนยุค และหมอลำกลอนประยุกต์ (หมอลำซิ่ง)
                     5.3  ความเหมาะสมและประโยชน์ที่ได้จากศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไล
                     5.4  ทิศทางการเปลี่ยนแปลงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไลในอนาคต
                     5.5   ผลกระทบของศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยของแม่ครูราตรี ศรีวิไลในแต่ละด้าน